ตำรวจภาค 9 และ ภ.จว.ตรัง โชว์ผลงานจับแล้ว 2 ผู้ต้องหาร่วมขบวนการค้าโรฮินจา รายใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องต่อการผลิตวัตถุระเบิดจำนวนมาก
วันนี้( 8 พ.ค.)เมื่อเวลา 16.00 น.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาแถลงข่าวที่ ภ.จว.ตรัง พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนตรี โปรตระนันท์ ผบช.ภ.9 แถลงข่าวการจับกุม 2 ผู้ต้องหาร่วมขบวนการค้าโรฮิงญารายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย
นายสุพจน์ มั่นซิ้ว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 ถนนเพลินพิทักษ์ ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งจับกุมได้เมื่อเช้าที่ผ่านมา ที่หลังโรงเลี้ยงไก่ หมู่ที่ 1 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และนายบรรจง ปองผล อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ถนนทักษิณเฉลิมเขต ตำบลปะดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลปะดังเบซาร์ และได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 ที่ สภ.ปาดังเบซาร์ มาก่อนหน้านี้
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากการที่ นายสุพจน์ เอาไปฝังไว้ริมชายคลอง หลังโรงเลี้ยงไก่ และภายในบ้านที่หลบซ่อนตัวพื้นที่ตำบลเขาไม้แก้ว ประกอบด้วย กระสุนปืน ขนาด 11 มม. 3 นัด สายไฟเพื่อต่อเชื้อประทุระเบิด ยาว 30 เมตร ท่อพีวีซี ขนาด 2 นิ้ว แบบปิดหัวท้าย ภายในประกอบดินระเบิดพร้อมใช้งาน 4 ชุด ปุ๋ยยูเรียผสมน้ำมัน 500 กรัม เม็ดลูกปราย ขนาด 8 ม.ม. 53 เม็ด ดินขยายการระเบิด (เพาเวอร์เจล) 700 กรัม เชื้อประทุไฟฟ้า 2 ดอก ตะปู บรรจุในปุ๋ยยูเรีย 23 ดอก เทปกาวจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
นอกจากนั้น จากการสอบสวนพบว่า นายสุพจน์ ยังเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธปืนกลมือ ยิงถล่มบ้านพัก นายประวัติ แซมมณี ผบ.เรือนจำจังหวัดตรัง เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 8 มกราคม 2556 ในพื้นที่หมู่ที่ 11 เขตเทศบาลตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง ทำให้กระจกหน้าต่างบานเลื่อน ฝาผนัง ฝ้าเพดาน และรั้วกำแพง เต็มไปด้วยรอยกระสุนนับ 20 รู แต่ นายประวัติ ภรรยา และลูก ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
เบื้องต้นได้ตั้งข้อหา นายสุพจน์ ว่า ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมาน หรือกระทำทารุณโหดร้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุในการตาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ที่ 91/2558 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2558 ของ สภ.ปาดังเบซาร์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ที่ 550/2557 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2557 ของ สภ.สิเกา จังหวัดตรัง ตามหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ที่ 300/2557 ลงวันที่ 14 เมษายน 2556 ของ สภ.เมืองตรัง และตามหมายจับของศาลจังหวัดสตูล ที่ 233/2557 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2557 ของ สภ.ฉลุง จังหวัดสตูล
สืบเนื่องจาก นายสุพจน์ เป็นผู้ต้องหาคดีสำคัญหลายคดี และมีหมายจับ 4 หมายจับหลายพื้นที่ โดยจากการจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเฉพาะบางคดีเท่านั้น ส่วนวัตถุระเบิด สายไฟ และอุปกรณ์ ที่ตรวจยึดมาได้นั้น นายสุพจน์ ให้การว่า ได้จัดทำและนำไปวางไว้มาเมื่อ 8 เดือนก่อน เพื่อเตรียมการในการพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ที่จะมาทำการปิดล้อมจับกุมตน โดยกำลังอยู่ระหว่างการขยายผลว่า นายสุพจน์ มีส่วนร่วมต่อการค้ามนุษย์หรือไม่ รวมทั้งการทำร้ายโรฮิงญาจนเสียชีวิต เนื่องจาก นายสุพจน์ มีความสนิทสนมกับ นายบรรจง
นอกจากนั้น ในเบื้องต้นยังได้ตั้งข้อหา นายบรรจง ว่า สมคบและร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฏหมาย ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น โดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ แต่ นายบรรจง ได้ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ยืนยันว่า ปัญหาการค้ามนุษย์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานมาตลอดหลายเดือนต่อเนื่องแล้ว แต่ไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือหลังจากเกิดเหตุพบค่ายโรฮีนจา ที่ปาดังเบซาร์เท่านั้น ล่าสุดมีผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ 36 ราย และจับได้แล้ว 11 ราย โดยเฉพาะ นายสุพจน์ เบื้องต้นได้จับกุมในคดีค้างเก่าฆ่าผู้อื่นเท่านั้น ส่วนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่รอสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถฟันธง นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องอีก 7 คน และถูกจับกุมไปแล้ว 3 คน
ดังนั้น จึงขอให้ผู้ที่ถูกออกหมายจับที่เหลือทั้งหมดรีบเข้ามอบตัวโดยเร็ว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปล่อยปะละเลยก็จะดำเนินคดีเหมือนกัน และกำจัดให้สิ้นทั้งกระบวนการ ซึ่งขณะนี้การทำงานจะใช้แผนปิดปลายทาง ด้วยการไม่ให้เป็นแหล่งพักพิง และต้องมีการขยายผลต่อตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี พร้อมขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งต้นทางและปลายทาง เนื่องจากประเทศไทยไม่ใช่ปลายทางของโรฮิงญา