รัสเซีย-อิหร่าน ผนึกกำลังค้ำเก้าอี้ ชีอะห์อัซซาด ครองซีเรียอ้างปราบ ISIL

รัสเซียและอิหร่านประกาศสร้างกลุ่มพันธมิตรใหม่เพื่อช่วยปกป้องรัฐบาลชีอะห์ของบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย และกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธ ISIL ถือเป็นการประกาศตัวหนุนหลังรัฐบาลที่ใช้ทั้งอาวุธเคมี และบาเรล์บอมเข่นฆ่าพลเรือนชาวซีเรียอย่างเป็นทางการ ก่อนที่การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติจะเปิดฉากขึ้น

แม้ อัสซาด จะไม่ได้เดินทางมาประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นที่นิวยอร์กเช่นผู้นำอีกหลายสิบประเทศ แต่ก็ได้รับการหนุนหลังเป็นปากเสียงให้จากชาติพันธมิตรสำคัญอย่างรัสเซียและอิหร่าน ที่ทำตัวเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องให้ทั่วโลกหันมามุ่งเน้นที่การขจัดภัยคุกคามจากนักรบในซีเรีย

“ผมเชื่อว่าวันนี้ทุกท่านคงยอมรับแล้วว่า ประธานาธิบดีอัสซาดจะต้องปกครองซีเรียต่อไป เราจึงจะสกัดกั้นอิทธิพลของกลุ่มก่อการร้ายได้” ประธานาธิบดีฮัสซัน รอฮานี แห่งอิหร่าน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น

ผู้นำอิหร่านยังกล่าวต่อบรรดานักวิชาการและสื่อมวลชนในนิวยอร์กว่า “หากเราต้องการขจัดลัทธิก่อการร้ายให้สำเร็จ รัฐบาลซีเรียจะอ่อนแอไม่ได้ พวกเขาต้องมีกำลังพอที่จะสู้ต่อไป… หากรัฐบาลซีเรียถูกกีดกันออกจากสมการข้อนี้ ผู้ก่อการร้ายจะบุกเข้าไปถึงกรุงดามัสกัส และทั้งประเทศจะกลายเป็นเขตอิทธิพล เป็นแหล่งซ่องสุมของพวกเขา”

โดยพันธมิตรที่ร่วมรบกับกองกำลังรัฐบาลชีอะห์บาชาร์ อัล-อัสซาด นอกจากมีทหารรัสเซียอยู่ในซีเรียแล้ว ยังมีทหารอิหร่านจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายอย่างฮิสบุลลาตในเลบานอนเข้าร่วมช่วยเหลือรัฐบาลชีอะห์ในซีเรียด้วย

ขณะที่จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย โดยเตือนว่า การที่มอสโกยังหนุนหลัง อัสซาด เช่นนี้จะยิ่งบั่นทอนกระบวนการสร้างสันติภาพในซีเรีย และยังไม่สอดคล้องกับปฏิบัติการต่อต้าน ISIL ที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรดำเนินการอยู่

แต่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียได้ออกมาตอบโต้สหรัฐโดยยืนยันคำประกาศจากรัฐบาลที่ถูกครอบงำโดยชีอะห์ของอิรักที่ว่า เจ้าหน้าที่รัสเซีย ซีเรีย อิรัก และอิหร่าน ได้จับมือก่อตั้ง “ศูนย์ข่าวกรอง” ขึ้นในกรุงแบกแดด เพื่อแบ่งปันข้อมูลและวางยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กลุ่ม ISIL

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ก็ได้เรียกร้องให้นานาชาติร่วมมือกับรัสเซียกวาดล้างนักรบเหล่านี้

“เราเต็มใจที่จะประสานงานกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือบางอย่างขึ้น… และยินดีหากจะมีนโยบายร่วมในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย” ปูตินกล่าว

ผู้นำรัสเซียย้ำว่า กองทัพอัสซาด “เป็นกองทัพตามแบบแผนเพียงหนึ่งเดียวที่มีอำนาจชอบธรรม” ในซีเรีย

จุดยืนที่แตกต่างคนละขั้วระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ทำให้การเผชิญหน้ากันในเวทีสมัชชาใหญ่ยูเอ็นระหว่าง โอบามา และปูติน เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

คาดกันว่า ปูติน จะใช้เวทียูเอ็นกล่าวโทษการแทรกแซงทางทหารของชาติตะวันตกว่าเป็นตัวการบั่นทอนเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และเรียกร้องให้ภารกิจใดๆ ในอนาคตต้องได้รับการประสานงานและมีมติรับรองจากองค์การสหประชาชาติเสียก่อน

แม้วอชิงตันและพันธมิตรตะวันตกจะกล่าวว่า อัสซาด เป็นต้นตอเหตุจลาจลทางการเมืองในซีเรีย แต่ก็ยังปฏิเสธที่จะส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปทำสงครามโดยตรง ในขณะที่รัสเซียนั้นเริ่มขยายบทบาททางทหารเข้าไปในซีเรียเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดจากการส่งทหาร เครื่องบินโจมตี และรถถังจำนวนหนึ่ง เข้าไปยังฐานทัพอากาศในจังหวัดลาตาเกียซึ่งอยู่ในเขตอิทธิพลของรัฐบาลชีอะห์อัสซาด และหลังจากนี้ก็จะมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับรัฐบาลที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มชีอะห์ของอิรัก

ปูตินยอมรับว่า ตนได้เริ่มพูดคุยกับผู้นำบางประเทศที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ เช่น ประธานาธิบดีนาจีบ ตอยยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกี และกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรของรัสเซีย

ทั้งรัสเซีย และอิหร่าน ต่างช่วยสนับสนุนอาวุธให้แก่รัฐบาลซีเรีย ซึ่งประธานาธิบดีรอฮานี แห่งอิหร่านก็ได้ออกมาประกาศจุดยืนที่ไม่แตกต่างจาก ปูติน

“เป้าหมายแรกของเราในซีเรียคือการขับไล่กลุ่มก่อการร้าย และกวาดล้างพวกเขาจนพ่ายแพ้ราบคาบ ซึ่งการจะทำให้สำเร็จได้ไม่มีวิธีอื่น นอกเสียจากจะสนับสนุนรัฐบาลกลางให้มีความเข้มแข็ง” รอฮานีให้สัมภาษณ์ต่อซีเอ็นเอ็น

ความคิดเห็น

comments