เครือข่ายเฝ้าระวังตะวันออกกลางเผยแพร่ข้อมูลจากรายงานของรอยเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี(22 ตุลาคม)ระบุว่า ปฎิบัติทางทหารของรัสเซียในดินแดนซีเรียช่วยจัดการกับศัตรูของอิสราเอลในภูมิภาค ทูตรัสเซียยันประเมินแล้วว่าการคงอยู่ของอัสซาดจะส่งผลดีต่ออิสราเอลมากกว่า
เจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่ไม่ประสงค์ออกนามระบุว่า “ประธานาธิบดีรัสเซีย ไม่ได้หวังพึ่งความร่วมมือของอิสราเอล และเขาก็ไม่น่าจะหวังให้มีการร่วมมือของอิหร่าน, ฮิสบุลลาต ร่วมมือกับอิสราเอลในเวลานี้” การร่วมมือกันของรัสเซีย และ 2 มหาอำนาจชีอะห์เป็นสิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลเป็นกังวล แต่ยังมองว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างจำกัดในสถานการณ์ปัจจุบัน
“ปฎิบัติการที่เกิดขึ้นใหม่ในตะวันออกกลาง เป็นการรวมตัวกันอย่างหลวมๆ ด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะ” แหล่งข่าวในรัฐบาลอิสราเอลกล่าว พร้อมระบุว่า “โดยการร่วมมือกันของรัสเซีย อิหร่าน และฮิสบุลลาต เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลืออัสซาด”
Alexander Shein เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอิสราเอลกล่าวว่า ประเทศของเขาจะดำเนินการในการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มก่อการร้าย และไม่มีการกระชับความสัมพันธ์ด้านอื่นกับอิหร่าน และฮิสบุลลาต นอกจากประเด็นของซีเรียเท่านั้น
ทูตรัสเซียยืนยันว่ารัสเซียตระหนักถึงความสำคัญเชิงกลยุทธต่ออิสราเอลในภูมิภาค และอธิบายถึงสาเหตุในการใช้ปฎิบัติการทางอากาศต่อซีเรียที่ผ่านมา โดยเขายืนยันว่าชัยชนะของอัสซาดจะเป็นผลดีที่สุดต่ออิสราเอลในภูมิภาค
ทั้งนี้ในช่วงต้นของการลุกฮือของชาวซีเรียในการขับไล่ประธานาธิบดั บาชาร์ อัล อัสซาด ในปี 2011 นายกรัฐมนตรีเบญามิน เนธันยาฮู ได้สนับสนุนในการขับไล่อัสซาด และสถานการณ์ไม่เป็นดังนั้น และฐานอำนาจของอัสซาดดูมั่นคงยิ่งขึ้นเมื่อรัสเซียเข้ามา
ทูตรัสเซียยังได้บอกให้อิสราเอลรอบคอบในการตัดสินใจกรณีซีเรีย นอกจากนี้ทูตรัสเซียยังได้กล่างถึงการที่อิสราเอลจับกุมสายลับรัสเซียที่เตรียมปฎิบัติการณ์ในไครเมียเมื่อปี 2014 โดยหวังว่าอิสราเอลจะไตร่ตรองต่อความจริงใจในการเป็นมิตร และความร่วมมือที่แนบแน่นระหว่างกัน