“คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” ยอมฟังเสียงประชาชน! มีมติให้เลื่อนพิจารณา EIA โครงการ “รถไฟแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล” ออกไปจนกว่า สนข.จะตกลงกับประชาชนที่ไม่เห็นด้วยสำเร็จ ชี้เป็นผลจากเครือข่าย ปชช.และศิลปินตามไปจัดกิจกรรมค้านถึงทำเนียบ หลังหลบไปซุกใช้เป็นที่จัดประชุม
MGR Online รายงานจากบริเวณหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล หรือบริเวณสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตั้งแต่ช่วงเช้าวันจันทร์ (1 สิงหาคม) ได้มีเครือข่ายประชาชนปกป้องอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา-ตะรุเตา จ.สตูล และเครือข่ายศิลปินอิสระรวมตัวกันกว่า 10 คน ร่วมกันแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ และอ่านแถลงการณ์คัดค้านการพิจารณารายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) กรณีเส้นทางรถไฟสายอุตสาหกรรมเชื่อมการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือน้ำลึกปากบารา อ.ละงู จ.สตูล และท่าเรือสงขลา 2 อ.จะนะ จ.สงขลา อันเป็นส่วนประกอบหลักของโครงการสะพานเศรษฐกิจ หรือแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ซึ่งในทำเนียบรัฐบาลกำลังมีการประชุมของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กกวล.) เพื่อพิจารณาอนุมัติอีไอเอของโครงการเส้นทางรถไฟสายอุตสาหกรรมดังกล่าว
นายสมยศ โต๊ะหลัง ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา-ตะรุเตา จ.สตูล ได้นำอ่านแถลงการณ์เรื่อง “เดินหน้าปกป้องอุทยานแห่งชาติ จากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา และโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล” ว่า การพัฒนาประเทศที่จะนำความผาสุกมาสู่ประชาชนในชาติ เป็นสิ่งที่เรายอมรับได้ หากแต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และความเหมาะสมของสภาพพื้นที่นั้นๆ และจะต้องน้อมรับเสียงทักท้วงของคนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว การพัฒนาประเทศที่อ้างว่าจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนนั้น ก็จะกลายเป็นเพียงวาทะกรรมสวยหรู แต่กลับไม่มีความหมายสำคัญที่จะทำให้เกิดการยอมรับได้อย่างแท้จริง
โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสะพานเชื่อมเศรษฐกิจสองฝั่งทะเลอันดามัน และอ่าวไทย หรือที่เรียกว่า แลนด์บริดจ์สงขลา-สตูลนั้น เป็นโครงการที่ต้องการเชื่อมโครงข่ายคมนาคม 2 ฝั่งทะเล ที่ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ หรือระดับภูมิภาคอาเซียน หากแต่ได้สร้างความขัดแย้งในพื้นที่การก่อสร้างโครงการระหว่างชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ กับกลุ่มสนับสนุนที่อยากเห็นการพัฒนาไปตามเสียงโฆษณาชวนของภาครัฐเพียงด้านเดียว แม้จะมีเสียงทักท้วงอย่างมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้มีการทบทวนโครงการก็ตาม
“แต่กลับได้รับท่าทีที่เพิกเฉยของรัฐบาลที่มา และรวมถึงรัฐบาลปัจจุบัน” ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ และเสริมว่า
เหตุผลมากมายที่เสนอให้มีการทบทวนโครงการ และหนึ่งในนั้นคือ เหตุผลในการใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จำนวน 4,734 ไร่ ใช้เป็นที่ตั้งโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา และรวมถึงช่องทางเดินเรือที่จะต้องผ่านเส้นทางท่องเที่ยวทางทะเลของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา อันเป็นแหล่งที่มีปะการังอ่อน 7 สีที่สวยงาม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนสตูล และเป็นสมบัติล้ำค่าของคนไทยทั้งประเทศ
ถึงจะมีเสียงเอ่ยอ้างของฝ่ายสนับสนุน หรือจากหน่วยงานภาครัฐผู้เป็นเจ้าของโครงการที่ว่า พื้นที่เหล่านี้นั้นเป็นเพียงส่วนน้อยของพื้นที่อุทยานฯ ทั้งหมด จึงอยากให้คนสตูลยอมรับ และเสียสละบ้าง จึงถือเป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้ ด้วยพื้นที่ดังกล่าวแม้จะเพียงน้อยนิด แต่ถือได้ว่าเป็นบริเวณสำคัญเสมือนพื้นที่ไข่แดงของ จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลที่มีความหมาย และมีความสำคัญของคนสตูล และยังรวมถึงพื้นที่เสี่ยงจากการเดินเรือที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตาด้วยเช่นกัน
เครือข่ายประชาชนปกป้องอุทยานแห่งชาติเภตรา-ตะรุเตา จึงขอคัดค้านการถอนสภาพพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อสังเวยให้แก่โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา และโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างประเมินค่าไม่ได้ต่ออุทยานแห่งชาติทั้ง 2 แห่งนี้ ทั้งนี้เพื่อปกป้องและเก็บรักษาไว้ซึ่งสมบัติของคนไทยทั้งประเทศ และเพื่อให้คงอยู่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนยาวนานตลอดไป
“พร้อมกันนี้ เราขอประกาศว่า เราจะเดินหน้าสร้างปฏิบัติการเพื่อปกป้องอุทยานแห่งชาติเภตรา-ตะรุเตาอย่างถึงที่สุด เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศได้รับรู้ถึงการสูญเสียดังกล่าวอย่างทั่วถึงกัน” แถลงการณ์ระบุ
อย่างไรก็ตาม นายสมยศ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า ไม่ว่าผลการพิจารณาจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กกวล.) จะออกมาเป็นอย่างไร เครือข่ายฯ ยังยืนยันว่า ทะเลไทยไม่เหมาะแก่การทำโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และมีคุณค่าเชิงการท่องเที่ยวอย่างหมู่เกาะเภตรา-ตะรุเตา ซึ่งสร้างชื่อเสียงทางการท่องเที่ยว และเป็นเหมือนครัวขนาดใหญ่ของชุมชนโดยรอบ ซึ่งพึ่งพาอาศัยทะเลไทยมาแสนนาน
ภายหลังการอ่านแถลงการณ์แล้วเสร็จ กลุ่มศิลปินอิสระ นำโดย นายวสันต์ สิทธิเขตต์ ศิลปินนักเคลื่อนไหวด้านสังคม ได้อ่านบทกวีคัดค้านการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก แลนด์บริดจ์ และโครงการพัฒนาขนาดใหญ่เพิ่มเติม ต่อด้วยการแสดงสดชองศิลปินกลุ่ม Zebra Project ต้านคอร์รัปชัน นำโดย นายจุมพล อภิสุข และนางจิตติมา ผลเสวก ได้ร่วมกันสวมชุดม้าลาย และเขียนป้ายข้อความ “ทะเลเป็นเลือด คนเดือดร้อน” ลงผ้าใบขนาดใหญ่ พร้อมติดกระดาษข้อความเล็กๆ ที่สื่อถึงสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อความต้านโกงในโครงการขนาดใหญ่ เช่น หยุดโกงโลก หยุดโกงทะเล หยุดคอร์รัปชันทะเล ฯลฯ และปิดท้ายด้วยการมอบป้ายข้อความดังกล่าวให้ตัวแทนศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ฯ สำนักนายกรัฐมนตรี
นายวสันต์ กล่าวว่า การต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรในประเทศไทยเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน และกลุ่มของตนในนามศิลปินเองก็ไม่อาจนิ่งเฉย เพราะการโกงการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ปัจจุบันนี้ก็มาจากการคิด และดำเนินการโครงการขนาดใหญ่เสมอ ท่าเรือที่รัฐบาลจะสร้างในภาคใต้ก็ต้องใช้งบประมาณประเทศมหาศาล ประชาชนย่อมมีสิทธิสงสัย และตั้งคำถามบางคนออกมาประท้วง บางคนออกมาเดินเท้า ฯลฯ
“และศิลปะก็เป็นวิธีการหนึ่งในการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ เพื่อบอกสังคมให้รับทราบว่า เราศิลปินไทยไม่อยากเห็นคนไทยต้องสูญเสียทะเลไปกับโครงการใหญ่ ที่เสี่ยงต่อการเกิดขึ้นของขบวนการคอร์รัปชันของกลุ่มการเมือง จึงได้มาร่วมกับเครือข่ายปกป้องอุทยานฯ เพื่อทำกิจกรรมครั้งนี้”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่กลุ่มค้านจัดกิจกรรมอยู่ด้านนอก ในที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กกวล.) ซึ่งกำลังประชุมอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่า ที่ประชุมได้มีมติให้ถอนวาระการพิจารณาอีไอเอโครงการรถไฟสายอุตสาหกรรมแลนด์บริดจ์ดังกล่าวออกไปก่อน โดยในระหว่างนี้ ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ไปเจรจากับประชาชนในพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม แล้วค่อยเสนอกลับมาใหม่