ครอบครัวชาวปาเลสไตน์หลายพันครอบครัวในค่ายผู้พลัดถิ่นทั่วฉนวนกาซาเผชิญกับความหายนะเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากฝนตกหนักและลมแรงพัดกระหน่ำพื้นที่

สำนักข่าววาฟารายงานว่า สภาพอากาศเลวร้ายทำให้เต็นท์และที่พักพิงพังทลาย ทำให้ครอบครัวต่างๆ ต้องดิ้นรนต่อสู้ท่ามกลางความหนาวเย็น และสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายอยู่แล้วก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก

ชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้ เช่น เดียร์ อัล บาลาห์ มาวาซี และข่าน ยูนิส รายงานว่า เต็นท์ของพวกเขาถูกพัดปลิวไปด้วยลมแรง ทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์กับความหนาวเย็นที่โหดร้ายโดยไม่มีที่พักพิงหรือเครื่องปกป้องความหนาว หลายคนต้องทนทุกข์ทรมานตลอดคืนโดยพยายามกอบกู้สิ่งที่ทำได้ขณะที่น้ำฝนไหลบ่าเข้าท่วมบ้านชั่วคราวของพวกเขา

แหล่งข่าวทางการแพทย์ยืนยันการเสียชีวิตของทารกอีกคนหนึ่งในเมืองกาซาเนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก ซึ่งถือเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 7 ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่เลวร้ายและการขาดความอบอุ่น ทารกวัย 20 วันคนหนึ่งเสียชีวิตในวันอาทิตย์ด้วยสภาพอากาศที่คล้ายคลึงกัน ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขของกาซา

เจ้าหน้าที่กู้ภัยในฉนวนกาซาได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินหลายร้อยครั้งจากครอบครัวผู้พลัดถิ่น เนื่องจากฝนตกหนักจนท่วมเต็นท์และบ้านเรือนในพื้นที่ แม้จะได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผู้ที่ถูกอพยพจำนวนมากก็ยังต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงที่ไม่เหมาะสม ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับฝนที่ตกหนักและสภาพอากาศที่หนาวเย็น

สำนักข่าววาฟา รายงานว่า ผู้ปกครองร้องขอความช่วยเหลือเพื่อช่วยชีวิตลูกๆ ของตนจากน้ำท่วม แต่ทรัพยากรต่างๆ ก็ไม่เพียงพอ

ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศและทางบก ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 45,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ตามรายงานของทางการในฉนวนกาซา อิสราเอลได้โจมตีผู้หญิงและเด็กอย่างไม่เลือกหน้า และสังหารแพทย์ นักข่าว นักวิชาการ และเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือหลายพันคน ชาวฉนวนกาซาได้รับความอดอยากโดยเจตนา โดยอาหารและยาไม่เพียงพอต่อการเข้าไปในเขตที่ปิดล้อม

ปฎิบัติการทางทหารดังกล่าวทำให้ประชากรเกือบทั้งหมดของฉนวนกาซาต้องอพยพ และพื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นซากปรักหักพัง ผู้เสียชีวิตหลายพันคนยังคงอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

ความคิดเห็น

comments

By admin