ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ แต่ระบอบเศรษฐกิจอิสลามไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เช่นเดียวกับในภาวะที่สินค้าต่างๆ ต้องต่อสู้กันด้วยราคาเพื่อช่วงชิงลูกค้า แต่สินค้าของมุสลิมใช้อมานะห์ ในอิสลาม สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า จนเป็นที่ยอมรับ และส่งขายได้ในต่างประเทศ
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นมาตรฐานการดำเนินงานของ คุณปรีชา สันลี หรือที่รู้จักกันในนาม อามีน แอนดารุส ผู้ผลิตสบู่ และครีมบำรุงผิวชื่อดังของคนไทย ที่ส่งขายในต่างประเทศภายใต้แบรนด์ VOODOO
คุณอามีน เล่าว่าส่วนผสมที่จะถูกนำมาใช้ทุกตัว จะต้องได้รับการยืนยันว่าได้ผลจริง โดยจะเน้นที่การดูแลสุขภาพจากภายใน มากกว่าทั่วไปที่จะดูแค่เพียงเฉพาะภายนอก เช่นการที่ทางบริษัทได้สั่งนำเข้าสารสกัดเลียนแบบการทำงานของพิษงูมาเป็นส่วนผสม ซึ่งเป็นสารสกัดที่จะเลียนแบบการทำงานของพิษงู ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เซล์ในร่างกายเข้ามาทำงานในส่วนที่ต้องการ
หลักการทำงานดังกล่าวจะช่วยให้จากเดิมที่เซล์ในร่างกายจะมุ่งทำงานในการดูแลส่วนที่บกพร่องของร่างกาย และร่างกายก็จะเสื่อมโทรมไปตามวัย แต่การทำงานของสารตัวนี้จะไปช่วยกระตุ้นให้เซล์มาทำงานในส่วนต่างๆ มากขึ้น เป็นการดูแลสุขภาพจากภายใน ด้วยเซล์ของร่างกายของผู้ใช้เอง โดยมีสารสกัดในเครื่องสำอางของเราเป็นตัวกระตุ้น
สินค้าแต่ละตัวจะต้องคัดสรรวัตถุดิบที่สามารถสืบหาที่มาที่ไปได้ถึงคุณค่าทางการรักษาของสมุนไพรแต่ละชนิด และยังต้องเป็นการผสมผสานกันของ เทคโนโลยี ให้เกิดเป็นความร่วมสมัยอย่างลงตัว
คุณอามีน เล่าอีกว่าอุสตะเคยสอนได้ให้สูตรการทำสบู่มา แต่ดูแล้วว่าถ้าทำแค่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสินค้า OTOP ธรรมดา จึงคุยกับโรงงาน และให้โจทย์ไปว่า ต้องใช้กีสรีนจากน้ำมันมะพร้าว สารสกัดจากใบพุทรา สารสกลัดจากเกลือสีชมพู และสารสกัดจาก Curcuma spp ถือเป็นโจทย์ที่ยากมาก แต่สุดท้ายเราก็สามารถทำออกมาได้อย่างที่ต้องกัน
คุณอามีนเล่าถึงแนวทางการทำตลาดว่า เริ่มทำตลาดในประเทศไทย แต่ติดปัญหาที่ส่วนประกอบที่ใช้เป็นสารสกัดเลียนแบบการทำงานของพิษงู ซึ่งคนไทยยังไม่คุ้นเคย (คนไทยเคยเจอแต่สารสกัดจากพิษผึ่ง) จึงไม่กล้าใช้
คุณอามีนเล่าว่าพนักงานก็ไม่สบายใจที่ขายไม่ได้ แต่ก็บอกกับพนักงานว่า สินค้าของเราดี แต่ที่นี้ไม่ใช่ตลาดของมัน ผมจะพาพวกคุณไปขายต่างประเทศ ขอให้มั่นใจในอมีร
ในขณะที่คนไทยไม่ซื้อ แต่มีเด็กผู้หญิงเชื้อสารจีนมาขอซื้อ 10 กล่อง และต่อมาก็ขอเป็นเอเย่นต์ขายในจีน จนตอนนี้มียอดขายเป็นแสนกล่อง
ส่งขายไปหลายประเทศ จีน, ฮ่องกง, ใต้หวัน, มาเก้า, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ลาว, เวียดนาม และไทย โดยที่สินค้าทุกตัวเขาเราสามารถตรวจสอบกลับมาถึงที่มาได้ เพื่อเพิ่มความมั่นในให้กับลูกค้า
“ผมเชื่อว่าทุกอย่างที่ได้มาในวันนี้ไม่ใช่ความสามารถของผม อุสตะเคยสอนว่า พระองค์คือผู้ทรงวางแผน” คุณอามีนกล่าว
คุณอามีนเล่าถึงประสบการณ์ว่ากว่าจะมาวันนี้เริ่มต้นจากศูนย์ จากที่เคยทำงานกับบริษัทต่างชาติ เคยเป็นที่ยอมรับในสังคม เคยเป็นอาจารย์พิเศษสอนระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัย ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมเรียนไม่จบ แต่การที่เราไม่ได้ใช้อิสลามเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ทำให้ต้องกลับมาอยู่ที่ศูนย์ แม้แต่เงินที่จะคลอดลูกก็ไม่มี ต้องพาภรรยากลับไปคลอดที่บ้านเกิด
เดิมภรรยาไม่ใช่มุสลิม แต่เขาเห็นผมไม่กินเหล้าก็มาถามว่าทำไม ผมก็ไม่กล้าบอกจึงบอกไปว่าผมชอบมีโลกส่วนตัว แต่เขาก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วก็ถามข้อมูลเกี่ยวกับอิสลามกับผม เขาถามผมจนผมกลัว ต้องขอให้เขาหยุดถามด้วยกับความบกพร่องในศาสนาของเรา ทำให้เราต้องตอบเขาในส่งที่เราไม่ได้ทำ จนต้องบอกเขาว่า “คุณอย่าถามผมเยอะ เพราะคุณกำลังทำให้ผมคิดว่าตัวเองเป็นตะเกียงที่กำลังเผาตัวเอง” สุดท้ายเขาก็เข้ารับอิสลาม
คุณอามีนเล่าว่า ช่วงนั้นถูกทดสอบหนักมากจากการที่เราบกพร่องในศาสนามาตลอด จากที่เคยมีครบสมบูรณ์แบบในอย่างที่วัยรุ่นปัจจุบันอย่างมีกัน กลับกลายเป็นไม่มีเหลือเลย ขับรถกลับจากส่งภรรยาไปคลอดลูก จึงได้คิดถึงทำที่อุสตะสอน “อามีน เราไม่ใช่ผู้วางแผน แต่อัลลอฮฺเป็นผู้วางแผน เราต้องปรับปรุงตัวเอง และมั่นใจในอัลลอฮฺ”
ตอนนั้นไม่มีเงินเลย พ่อตาต้องขายที่เพื่อเอาเงินมาให้ลงทุน แต่ผมตัดสินใจไม่รับ และเริ่มเขียนแผนธุรกิจเพื่อไปเสนอเอเย่นต่างๆ เมื่อเอเย่นตกลง เราได้เงินมาแล้วก็เริ่มลงมือทำเลย ตอนแรกๆ ต้องเกณ์ญาติๆ ในชุมชนบึงพระรามเก้ามาช่วยกันทำ
คุณอามีนเล่าอีกว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทำครีมกันแดดขาย ขายดีมาก ถ้าเขียนข้อความไว้ที่แขนแล้วออกไปกลางแดด ข้อความนั้นจะติดอยู่ที่แขนเลยถือว่ามีประสิทธิภาพในการกันแดดดีมาก แต่สุดท้ายต้องเลิกทำ เพราะเราไม่ได้เอาแนวทางของอิสลามมาใช้แม้ว่าเราจะใช้ขวดนำเข้ามาอย่างดี แต่เราก็ไปทำเหมือนรายอื่นทั่วไปที่ระบุขนาดบรรจุที่ฉลากตามปริมาณของขวด แต่ใส่ครีมไม่เต็มปริมาณความจุของขวด พอมาอ่านกุรอานแปลไทยเจอเรื่องที่ “อัลลอฮฺห้ามการโกงตาชั่ง” ตอนนั้นบอกกับภรรยาเลยว่า “เราโดนแล้ว แล้วก็โดนจริงๆ” เนื้อครีมเริ่มมีปัญหาแยกตัวเป็นชั้น ขวดใส่ที่เรานำเข้ามาอย่างดีก็เสียทั้งหมดพร้อมๆ กัน จนต้องเรียกคืนสินค้ากลับมาทั้งหมด แล้วหยุดทำเลย ลูกค้าก็ถามว่าเมื่อไหร่จะทำออกมาขายอีก เราก็บอกว่าขอปรับปรุงสูตรก่อน
ทุกวันนี้พนักงานทั้งหมดเป็นมุสลม เราชื่อว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จได้เราต้องพัฒนาจากข้างใจ พนักงานของเราต้องมีอิหม่านก่อน โดยที่บริษัทเราจะมีการมุชาวะเราะห์กันในทุกๆ สัปดาห์ โดยแยกพนักงานมุสลิมะห์ก็จะไปร่วมกันเฉพาะในส่วนของมุสลิมะห์ รวมถึงการให้พนักงานได้ละหมาดดุฮา ทางบริษัทจะมีเงินพิเศษให้ บางคนมองว่าเป็นจากจ้างทำอิบาดะห์ แต่เรามองว่าถ้าพวกเขาทำความดี เราก็ควรต้องส่งเสริม
วันนี้เวลาที่บริษัทเรามีปัญหาจะมาทบทวนในส่วนของศาสนาก่อนว่าเราบกพร่องอะไรหรือเปล่า อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ อัลลอฮฺทรงช่วยเหลือให้บริษัทของเราผ่านวิกฤติต่างๆ ได้ อย่างปลายปีที่ผ่านมา หลายบริษัทมีปัญหาเรื่องยอดขาย แต่ของเราได้ลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น “อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ”
“ผมตั้งใจทำบริษัท มีกิจการของตัวเอง เพราะต้องการช่วยเหลือพี่น้องมุสลิม ที่ผ่านมามีมุสลิมะห์หลายคนที่ต้องยอมถอดฮิญาบเพื่อให้ได้งานทำ หรือบางทีทำงานกับมุสลิมแต่ไม่มั่นคง เงินเดือนน้อย อยากให้ได้เป็นโมเดลของสังคม” คุณอามีน กล่าว
คุณอามีนยังได้กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ในการทำธุรกิจสิ่งที่ขอจากพระองค์คือ
- การได้มาซึ่งทรัพย์ในการเลี้ยงดูครอบครัว
- การได้มาซึ่งเวลาในการใช้ไปในหนทางของพระองค์
- การได้มาซึ่งเสบียงแห่งหิดายะห์ เพราะผมเชื่อว่าพระองค์ทรงต้องการจากบ่าวของพระองค์แต่ละคนไม่เหมือนกัน
แต่เมื่อถามว่าวันนี้ จากการที่ไม่มีเลย จนมาสู่การผลิตสินค้าคุณภาพชั้นแนวหน้า ส่งขายต่างประเทศไปในหลายประเทศ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง
คุณอามีนตอบวา่ “วันนี้ผมยังล้มเหลว เพราะเราอยู่ในหมู่บ้าน แต่คนข้างๆ ยังไม่ได้กลิ่นไอของอิสลาม”
คลิกที่ภาพเพื่อดูหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับ