ชาวบ้านกว่า 500 คนต้องหลบหนีออกจากที่พักอาศัยในเมืองเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้ หลังไฟป่าที่โหมกระหน่ำไม่มีท่าทีบรรเทาลง แม้มีฝนตกลงมาท่ามกลางความพยายามอย่างไม่ลดละของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง โดยยังพบเห็นกลุ่มควันและเปลวเพลิงยังแผ่ลามออกไปเรื่อยๆเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้วในวันพุธ(4มี.ค.)
โฆษกหน่วยฉุกเฉินเปิดเผยว่าเฉพาะเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ไฟป่าที่สร้างความสว่างไสวแก่ท้องฟ้ายามค่ำคืนรอบๆอุทยานแห่งชาติเทเบิลเมาท์เท่น ได้เผาผลาญบ้านเรือน3 หลังจนพังครืนและอีก 5 หลังได้รับความเสียหาย
ขณะที่ ชาร์ลอตต์ พาวลล์ โฆษกศูนย์จัดการความเสี่ยงภัยพิบัติเมืองเคปทาวน์ ระบุว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา พวกชาวบ้านที่อพยพต้องตั้งแคมป์บริเวณศูนย์ชุมชนหรือไม่ก็ไปอาศัยครอบครัวอื่นที่รู้จักเป็นที่หลับนอน ก่อนจะกลับเข้าบ้านได้ในช่วงบ่าย
ทั้งนี้ธีโอ เลย์เน โฆษกอีกคนเสริมว่าแม้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ แต่ก็มีทรัพยากรเพียงพอที่จะจัดการกับเหตุลุกไหม้ และเบื้องต้นไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 150 คนแบ่งกันทำงานเป็นกะตลอด 24 ชั่วโมงท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เบื้องต้นพยากรณ์อากาศคาดหมายว่าจะมีฝนตกลงมา ทำให้ชาวบ้านตั้งความหวังไว้อย่างมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วฝนที่ตกลงมาในระยะเวลาสั้น ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เปลวเพลิงสงบลง
“มีฝนตกลงมา แต่ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนสถานการณ์” โฆษกศูนย์จัดการความเสี่ยงภัยพิบัติเมืองเคปทาวน์กล่าว ขณะที่ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติแอฟริกาใต้ บอกว่าอุณหภูมิที่เมืองแห่งนี้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 29 องศาเซลเซียส
ไฟป่าครั้งนี้ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์(1มี.ค.) โดยเจ้าหน้าสามารถควบคุมมันได้ช่วงสั้นๆ แต่ไฟป่าอีกจุดที่มีขนาดใหญ่กว่าก็เริ่มลุกลามอีกครั้งในตอนเช้าวันจันทร์(2มี.ค.) และยังคงเผาผลาญจนถึงตอนนี้ ขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทางการต้องสั่งปิดถนนหลายสายในแถบคาบสมุทรทางใต้ของประเทศ