เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้เข้าทลายสถาบันการศึกษาเถื่อน 4 แห่งในชุมชนเกาหลี ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนียใต้ ที่เปิดการสอนเรียกลูกค้านักเรียนต่างชาติ ส่วนใหญ่มาจากจีนและเกาหลีใต้ร่วม 1,500 คน เดินทางเข้าอเมริกาด้วยวีซ่านักเรียน ในกลยุทธ “จ่ายและอาศัยในสหรัฐฯ” โดยไม่ต้องเข้าชั้นเรียนตามปกติ และพบผู้ดำเนินการ 3 คนถูกจับกุมหลังพบมีทรัพย์สินจากธุรกิจการศึกษาเถื่อนนี้ถึง 6 ล้านดอลลาร์
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้(12) ว่า ผู้ดำเนินการจัดการศึกษา 3 รายถูกจับกุม หลังพบมีทรัพย์สินที่ได้จากการเปิดธุรกิจสถาบันการศึกษาขั้นวิทยาลัยและโรงเรียนสอนภาษาถึง 6 ล้านดอลลาร์จากค่าเทอมรายปีที่เรียกเก็บจากนักเรียนต่างชาติร่วม1,500คนที่ส่วนใหญ่มาจากจีนและเกาหลีใต้โดยที่ไม่ต้องเข้าเรียนตามกลยุทธ “จ่ายและอาศัยในสหรัฐฯ” อัยการรัฐบาลกลางสหรัฐฯแถลง
การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากคณะลูกขุนเต็มคณะของรัฐบาลกลางสหรัฐฯได้อนุมัติข้อกล่าวหา 3 นักการศึกษาในวันอังคาร(10)ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดฉ้อฉลวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ฟอกเงิน และความผิดด้านอื่นในการเข้าเมืองสหรัฐฯ ซึ่งจะนำมาสู่การยึดทรัพย์ในที่สุด
ฮี ซัน ชิม (Hee Sun Shim) วัย 51 ปี จากเบเวอร์ลี ฮิล เจ้าของและผู้จัดการสถาบันการศึกษา ถูกตั้งข้อกล่าวหา 13 กระทงในการดำเนินการช่วยเข้าสหรัฐฯด้วยการฉ้อฉล นอกจากนี้ผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน ฮยุง ชาน มุน (Hyung Chan Moon) หรือ สตีฟ มูน วัย 39 ปี จากลอสแองเจลิส และ อุน ยัง ชอย (Eun Young Choi) หรือ แจมี ชอย (Jamie Choi) วัย 32 ปี จากลอสแองเจลิส อดีตพนักงานจัดการโรงเรียนต่างถูกตั้งข้อหา 1 กระทงที่มีความผิดเดียวกัน
นอกจากนี้ชิม ที่รู้จักในนาม ลีโอนาร์ด ชิม และลีโอ ชิม ยังถูกตั้งข้อกล่าวหา 3 กระทงในความผิดการส่งเสริมให้อาศัยในสหรัฐฯอย่างถูกกฎหมาย และอีก 2 กระทงในข้อกล่าวหาฟอกเงิน
ทั้งนี้พบว่าวิทยาลัยและโรงเรียนสอนภาษา 3 แห่งตั้งอยู่ในชุมชนเกาหลี ลอสแองเจลิส คือ (1)มหาวิทยาลัยโพรดี หรือ โรงเรียนสอนภาษานีโอ-อเมริกัน (Prodee University/Neo-America Language School) (2) สถาบัน วอลเตอร์ เจย์ เอ็มดี (Walter Jay M.D. Institute) หรือ ศูนย์การศึกษา WJMD และ (3) วิทยาลัยนิติวิทยาศาสตร์อเมริกัน (ACFS) และพบว่า (4)วิทยาลัยไลกี แฟชัน และเทคโนโลยี (Likie Fashion and Technology College) สถาบันการศึกษาแห่งที่ 4 นั้นอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อเตรียมเปิดในอัลแฮมบรา ( Alhambra) รัฐแคลิฟอร์เนีย
และเป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อพบว่าสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโพรดี หรือ โรงเรียนสอนภาษานีโอ-อเมริกัน อยู่ที่ชั้น 5 ของตึกสำนักงานลอสแองเจลิสทาวเวอร์ ใกล้กับชุมชนเกาหลี แต่ทว่าเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯและความมั่นคงเปิดเผยว่า สถานที่แห่งนี้ได้ถูกทิ้งร้างไว้ขณะเข้าบุกทะลายในวันพุธ(10) ซึ่งสื่อ CNN ได้ร่วมในการเข้าบุกค้นครั้งนี้ด้วย และพบว่าภายในมีห้องเรียน ส่วนสำนักลงทะเบียนและบริหาร รวมไปถึงห้องสมุดเล็กๆ แต่ไม่พบว่ามีใครอยู่ที่นั่น
สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า ในการที่นักเรียนต่างชาติจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯผ่านวีซ่านักเรียนกับสถาบันการศึกษาห้องแถวนี้ เด็กนักเรียนจีนและเกาหลีใต้ต้องชำระค่าเทอมราว 1,800 ดอลลาร์สำหรับการเข้าเรียนเป็นระยะเวลา 6 เดือน และในการสอบปากคำนักเรียนต่างชาติจำนวน 35 คนที่ส่วนใหญ่มาจากจีนและเกาหลีใต้ พบว่าไม่มีนักเรียนคนใดอาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส
และการตรวจสอบที่ไม่เปิดเผยก่อนหน้านี้ของหน่วยงานสหรัฐฯพบว่า มหาวิทยาลัยโพรดีในปี 2011 มีการสอนภาษาอังกฤษเพียงแค่ 1 ห้องเรียน และนักเรียน 3 คน แต่สถาบันแห่งนี้กลับแจ้งกับทางการสหรัฐฯว่า มีนักเรียนรวม 900 คน ในแคมปัส 2 แห่ง
และในวันเดียวกันของการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่เดินทางไปยังวิทยาลัยนิติวิทยาศาสตร์อเมริกัน (ACFS) พบว่ามีนักเรียนเพียงแค่คนเดียว ขัดแย้งกับที่สถาบันอ้างกับหน่วยงานสหรัฐฯว่า มีนักเรียนสมัครเข้าเรียนแห่งนี้มากกว่า 300 คน
สื่อสหรัฐฯยังเปิดเผยต่อว่า พบว่านักเรียนต่างชาติอื่นๆที่ได้เข้าเรียนที่สถาบันการศึกษาอื่นก่อนหน้านี้ตามโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน แต่ภายหลังย้ายมายังสถาบันการศึกษาอุปโลกน์ 1 ใน 4 ของชิม
และในการดำเนินคดี หากผู้ต้องหาทั้งหมดถูกตัดสินว่าทำผิดจริง อาจต้องรับโทษจำคุก 5 ปีในคดีสมรู้ร่วมคิด และการฉ้อฉลเพื่อนำคนเข้าสหรัฐฯผิดกฎหมายอีก 10 ปี รวมไปถึงความผิดฐานฟอกเงินอีก 20 ปี
การเข้าทลายมหาวิทยาลัยห้องแถวของชิมในวันพุธ(10) เกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เข้าตรวจค้นโรงแรมราว 20 แห่งทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งต้องสงสัยว่าให้บริการ “ท่องเที่ยวเชิงผดุงครรภ์” (maternity tourism) โดยมีการจัดทัวร์ท่องเที่ยวพร้อมที่พักและบริการทางการแพทย์แก่สตรีชาวต่างชาติ ซึ่งต้องการให้ลูกที่เกิดมาได้รับสัญชาติอเมริกัน มุ่งดึงดูดลูกค้าที่เป็นหญิงชาวจีนฐานะดี ซึ่งพร้อมจะจ่ายเงินระหว่าง 15,000-80,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้บุตรที่เกิดมาได้สัญชาติอเมริกัน
คาดว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงผดุงครรภ์น่าจะเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว โดยอาศัยการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ และสื่อสังคมออนไลน์ บริษัททัวร์จะให้สัญญากับลูกค้าว่าบุตรที่เกิดมาจะได้ทั้งหมายเลขสวัสดิการสังคมและหนังสือเดินทางอเมริกัน ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่มารดาของเด็กจะนำกลับไปยังบ้านเกิด ต่อมาเมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีสิทธิขอวีซ่าให้แก่ญาติๆ ที่อาศัยอยู่ต่างแดน
แพกเกจทัวร์ผดุงครรภ์ที่ราคาสูงขึ้นไปจะจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ให้แก่ลูกค้าด้วย เช่น พาไปทัวร์ดิสนีย์แลนด์ และชอปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า เป็นต้น