การไต่สวนโซคาร์ ซาร์นาเอฟ (Dzhokhar Tsarnaev )มือระเบิดบอสตันมาราธอนวัย 21 ปีในวันอังคาร(17) คาดว่าการสอบสวนจะให้ความสำคัญในเหตุการณ์จับกุมมือก่อเหตุ หลังจากที่มีการไล่ล่ามือระเบิดโดยปิดตายเมืองทั้งเมืองในขณะนั้น ซึ่ง สตีเฟน ซิลวา (Stephen Silva) เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของซาร์นาเอฟขึ้นให้การต่อศาล ยอมรับว่าเป็นคนให้มือระเบิดบอสตันยืมปืน 2 เดือนก่อนเกิดเหตุไปจริง แต่ตามทวงคืนหลายครั้ง ในขณะเดียวกันได้รับฟังจากมือระเบิดว่า ทาเมอร์ลัน ซาร์นาเอฟ พี่ชายเข้มงวดจัด และอาจไม่ชอบน้องชายเพราะไม่นับถือศาสนาอิสลาม
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(17) ว่า หากโซคาร์ ซาร์นาเอฟ (Dzhokhar Tsarnaev )มือระเบิดบอสตันมาราธอนวัย 21 ปีถูกตัดสินว่าผิดจริงในหลายข้อหารวมไปถึงการยิงเจ้าหน้าที่รัฐในช่วง 3 วันหลังเกิดเหตุระเบิดบอสตันมาราธอนในวันที่ 15 เมษายน 2013 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บอีก 264 คน เขาต้องถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในท้ายที่สุด
ซึ่งก่อนหน้านี้ทนายฝ่ายจำเลยเริ่มเปิดคดีอย่างทำให้คนในศาลทั้งหมดตกตะลึงด้วยการยอมรับว่า ซาร์นาเอฟเป็นผู้วางระเบิดจริง โดยตั้งความหวังให้คณะลูกขุนเห็นใจและลดโทษตายให้เหลือเพียงแค่จำคุกตลอดชีวิต ในขณะที่ยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า ทาเมอร์ลัน ซาร์นาเอฟ (Tamerlan Tsarnaev) ผู้พี่ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง และชักจูงโซคาร์ ซาร์นาเอฟ น้องชายให้ทำตาม โดยรอยเตอร์รายงานว่า ซาร์นาเอฟได้เล่าให้เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายฟังว่า ทาเมอร์ลันเป็นคนที่เข้มงวดและอาจไม่ชอบโซคาร์ เพราะเขาไม่ใช่มุสลิม
ใน 7 วันแรกของการให้ปากคำในชั้นศาล การไต่สวนของอัยการบอสตันไล่ไปตามพยานทั้ง 58 ปากและทนายฝ่ายจำเลยปฎิเสธที่จะซักค้านเกือบทั้งหมดที่ศาลแขวงบอสตัน
และเมื่ออัยการบอสตันกล่าวสรุปคดี จะเป็นโอกาสให้ทนายของซาร์นาเอฟเรียกพยานฝ่ายจำเลยขึ้นให้การ ซึ่งรวมถึงซาร์นาเอฟ และหลังจากนั้นคณะลูกขุนจะพิจารณาว่าจำเลยมีความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ และหากถูกตัดสินว่าซาร์นาเอฟมีความผิด การไต่สวนจะเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยเน้นหนักไปที่การพิจารณาลงโทษ
และเอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในการขึ้นศาลไต่สวนเมื่อวานนี้(17)สตีเฟน ซิลวา (Stephen Silva)วัย 21 ปี เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของซาร์นาเอฟขึ้นให้การต่อคณะลูกขุน ยอมรับว่าได้ให้ซาร์นาเอฟยืมปืน 2 เดือนก่อนเกิดเหตุ โดยระบุว่าเป็นปืนพก P-95 Ruger โดยให้ยืมไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 โดยซาร์นาเอฟอ้างกับซิลวาว่า ต้องการยืมปืนเพื่อใช้เป็นอาวุธปล้น แต่ซิลวาย้ำว่า เขาได้ร้องขอซาร์นาเอฟคืนปืนให้กับเขาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนวันที่ 15 เมษายน 2013 ซึ่งเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของซาร์นาเอฟระบุว่า “ซาร์นาเอฟบ่ายเบี่ยงหาข้ออ้างที่จะไม่คืนปืน”
ทั้งนี้ซิลวาหารรายได้ด้วยการขายกัญชาในขณะเรียนระดับมัธยมปลาย และสามารถทำรายได้ถึงสัปดาห์ละ 2,000 ดอลลาร์ เขาถูกจับในข้อหามีอาวุธและยาเสพติดในความครอบครอง และยอมรับกับศาลแขวงบอสตันว่าใช้ความเป็นเพื่อนโน้มน้าวให้ซาร์นาเอฟเสพกัญชา
รอยเตอร์รายงานว่า ซิลวายอมขึ้นให้ปากคำคดีระเบิดบอสตันมาราธอนโดยแลกกับการถูกลดโทษ ซึ่งเขายอมรับผิดในคดีมีอาวุธปืนยาเสพติดในความครอบครอง ซึ่งซิลวาอ้างว่าได้ปืนจากเพื่อนอีกทอดหนึ่งเพื่อต้องการปกป้องธุรกิจการค้ากัญชา และเพื่อใช้ในการปล้น
และ 3 วันหลังจากเกิดเหตุระเบิดบอสตันมาราธอน ซาร์นาเอฟยิง ณอน คอลลิเออร์ (Sean Collier) ตำรวจประจำสถาบันการศึกษา MIT ในขณะที่เขาอยู่ภายในรถสายตรวจเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2013 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯระบุว่า ปืนพก P-95 Rugerเป็นอาวุธสังหารคอลลิเออร์
โดนปลูกฝังมาป่าวหว่า