คณะผู้แทนเยเมนประจำองค์การสหประชาชาติเรียกร้องวานนี้ (6 พ.ค.) ให้มีการส่ง “กองกำลังภาคพื้นดิน” เข้าไปช่วยเหลือฝ่ายรัฐบาลต่อสู้กับพวกกบฏชีอะห์ฮูธีย์ โดยเฉพาะที่เมืองท่าเอเดนและเมืองตาอิซ
จดหมายซึ่ง คอลิด อัลเยมานี เอกอัครราชทูตผู้แทนเยเมนประจำยูเอ็น ส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อาจมีผลทางกฎหมายทำให้นานาชาติเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในเยเมนได้อย่างสะดวกขึ้น
รัฐบาลเยเมนได้ยื่นหนังสือต่อคณะมนตรีความมั่นคงฯ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. เพื่อขอความช่วยเหลือทางทหารจากกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ หลังจากนั้นเพียง 1 วันซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรเกือบ 10 ชาติก็ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีเป้าหมายฐานที่มั่นของกบฏชีอะห์ซึ่งมีอิหร่านหนุนในการก่อเหตุรุนแรงบุกยึดครองประเทศเยเมน
ล่าสุดวานนี้ (6 พ.ค.) กบฏชีอะห์ฮูธีย์ที่มีกำลังหนุนพร้อมอาวุธส่งเข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่องได้บุกเข้าถึงเขตตาวาฮีในเมืองเอเดน เมืองท่าซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และอาจกลายเป็นจุดพลิกผันของสงครามครั้งนี้
ทูตเยเมนยังวิงวอนให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจดบันทึกพฤติกรรมของกบฏชีอะห์ฮูธีย์ที่เข่นฆ่าพลเรือน และปิดกั้นการเข้าถึงของทีมแพทย์ ซึ่งถือเป็น “การล่วงละเมิดอย่างป่าเถื่อนต่อประชาชนที่ไม่มีทางสู้”
การสู้รบที่เกิดขึ้นทั่วเยเมนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 120 คนวานนี้ (6) โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในจำนวนนี้ยังรวมถึงกลุ่มชาวเยเมน 40 คนที่ถูกกบฏชีอะห์ยิงถล่ม ขณะพยายามล่องเรือหนีออกจากเมืองเอเดนด้วย
กบฏชีอะห์ฮูธีย์จับมือกับทหารนอกแถวที่ยังคงภักดีต่ออดีตผู้นำทรราชที่ถูกชาวเยเมนขับไล่อย่าง อาลี อับดุลเลาะห์ ซอและห์ ได้เข้าปิดล้อมเมืองเอเดนมาหลายสัปดาห์ โดยหวังที่จะบดขยี้ฐานที่มั่นสุดท้ายที่ประธานาธิบดี อับดุร-รับบูห์ มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมนเคยใช้เป็นที่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น
“ทุกคนที่ก่ออาชญากรรมจะต้องได้รับโทษอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง รัฐบาลเยเมนจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำพวกกบฏชีอะห์ฮูธีย์ และทหารนอกแถว ไปขึ้นศาลระหว่างประเทศ ในฐานะอาชญากรสงคราม” อัลเยมานี ระบุในจดหมาย
