นายวาน จูไนดี ตนกู จาฟาร์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยมาเลเซียเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ขณะนี้มาเลเซียได้เตรียมจัดหาสถานที่สำหรับจัดตั้งค่ายพักและศูนย์รองรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนที่ได้รับการช่วยเหลือให้มาขึ้นฝั่งของมาเลเซียในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยหากศูนย์รองรับไม่เพียงพอทางกระทรวงมหาดไทยก็พร้อมจัดหาสถานที่อื่นๆ มาดูแลผู้อพยพกลุ่มนี้ และว่านี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีจำนวนผู้อพยพจำนวนมากทะลักเข้ามายังมาเลเซียในคราวเดียว
นายวานยังระบุอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีสาเหตุมาจากความเข้มงวดของรัฐบาลไทยในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ทางการมาเลเซียจะเร่งสืบสวนให้ทราบแน่ชัดว่า มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางของผู้อพยพชาวโรฮิงญาเหล่านี้หรือไม่
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจบนเกาะลังกาวี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับไทย กล่าวว่า เรือ 3 ลำเดินทางถึงเกาะลังกาวีช่วงกลางดึก เพื่อส่งผู้อพยพชาวโรฮิงญาและชาวบังกลาเทศกว่า 1 พันคนขึ้นฝั่ง เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้อพยพทั้งหมดไปให้กรมตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ส่วนเรือผู้อพยพถูกยึดไว้ได้ 1 ลำ
ทั้งนี้ มาเลเซียกลายเป็นเป้าหมายดึงดูดคนเข้าเมืองผิดกฎหมายจากประเทศยากจนในภูมิภาคเข้าไปหางานทำ มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากขึ้นจากบังกลาเทศ และเมียนมาร์ อพยพขึ้นเรือไปมาเลเซีย และอินโดนีเซียในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลังจากไทยซึ่งเคยเป็นที่หมายประเทศแรกของผู้อพยพ ประกาศกวาดล้างเครือข่ายลักลอบขนคนเข้าเมือง
ขณะที่ปัญหาความรุนแรงและความยากจนในเมียนมาร์ ทำให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาไร้สัญชาติมากกว่า 100,000 คนเดินทางหนีออกนอกประเทศตั้งแต่ปี 2555 ด้านข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ประเมินว่า มีชาวโรฮิงญา 25,000 คนจากเมียนมาร์ และบังกลาเทศ ขึ้นเรืออพยพในไตรมาสแรกของปีนี้ มากเป็นสองเท่าของช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
