สหรัฐฯกำลังกลายเป็นสังคมที่มีชาวคริสต์น้อยลง และมีผู้ที่ไม่นับถือศาสนาเพิ่มมากขึ้น งานศึกษาชิ้นหนึ่งว่าด้วยภูมิทัศน์ทางศาสนาที่เปลี่ยนแปลงของประเทศนี้ เผยในวันนี้ (12)
“สหรัฐฯยังคงเป็นบ้านของชาวคริสต์มากกว่าประเทศอื่นใดในโลก” โดยมีอยู่ถึง 70.6 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร หรือผู้ใหญ่ 173 ล้านคน ที่ระบุตัวว่าเป็นชาวคริสต์ในปีที่แล้ว ศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ระบุ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงจากปี 2007 ซึ่งมีคนถึง 78.4 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าตนเองเป็นชาวคริสต์ พิว ระบุในงานศึกษา 200 หน้าของตน ที่มีชื่อว่า “ภูมิทัศน์ทางศาสนาที่เปลี่ยนแปลงของอเมริกา” (America’s Changing Religious Landscape)
การลดลงดังกล่าวพบเห็นได้ในหลายๆ ภาคส่วนของสังคมอเมริกา รวมถึง คนผิวขาว , ชาวลาติน , ผู้หญิง , ผู้ชาย และผู้ที่ทั้งได้รับและไม่ได้รับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
แต่ทว่ามันกลับปรากฏชัดเป็นพิเศษในหมู่วัยรุ่นอเมริกา และกำลังสร้างความกังวลต่อชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมากพอๆ กับชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์กระแสหลัก
ในขณะเดียวกัน กลุ่มชาวคริสต์ก็เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนประชากรชาวลาตินที่เพิ่มมากขึ้น งานศึกษาชิ้นนี้ ระบุ
ชาวโปรเตสแตนต์ซึ่งคิดเป็น 51.3 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันที่นับถือศาสนาในปี 2007 ได้หดลงเป็น 46.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014 โดยนิกายโปรเตสแตนต์กระแสหลักนั้นประกอบด้วยชาวคริสต์สายอีแวนเจลิค 62 ล้านคน และสายอื่นๆ 36 ล้านคน
ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งในเดือนกันยายนจะได้ต้อนรับโป๊บ ฟรานซิส ในการเสด็จเยือนสหรัฐครั้งแรก ปัจจุบันมีจำนวน 51 ล้านคน ลดลงจากปี 2007 สามล้านคน
ขณะเดียวกัน สัดส่วนของผู้ที่ระบุตนเองว่า “ไม่มีศาสนา” (none) ได้เพิ่มขึ้นจาก 16.1 เปอร์เซ็นต์เป็น 22.80 เปอร์เซ็นต์
ศูนย์วิจียพิว ซึ่งโพสต์ผลการศึกษานี้ในเว็บไซต์ www.pewresearch.org ทำการศึกษาจากการสัมภาษณ์ประชาชนกว่า 35,000 คนตั้งแต่เดือนมิถุนายน-เดือนกันยายนปีที่แล้ว