องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงานการสอบสวน “สงครามกาซา” เมื่อปี 2014 โดยสรุปว่า อิสราเอลได้ใช้อาวุธหนักขนาดใหญ่ในการโจมตีฉนวนกาซา และทั้งสองฝ่ายต่างมีส่วนในการกระทำที่เข้าข่ายเป็น “อาชญากรสงคราม” ทั้งสิ้น
ผลการศึกษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ ที่นำโดยนางแมรี แม็คโกแวน เดวิส ได้ข้อสรุปว่าทั้งฝ่ายกองทัพของอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสแห่งพื้นที่ฉนวนกาซาต่างมีพฤติกรรมซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยมีหลายกรณีที่การละเมิดดังกล่าวของทั้งอิสราเอลและฮามาส มีความรุนแรงถึงขั้นเป็นอาชญากรสงคราม
การใช้กำลังโจมตีฉนวนกาซาปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมปีที่แล้ว โดยรายงานล่าสุดของยูเอ็นที่มีการเผยแพร่ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากกว่า 2,200 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ได้เสียชีวิตระหว่างการถูกโจมตีโดยอิสราเอลในสงครามกาซา ขณะที่ทางฝั่งของอิสราเอลนั้นพบผู้เสียชีวิต 73 ราย มีพลเรือนเพียง 6 ราย
ในรายงานฉบับนี้ ทีมสอบสวนของสหประชาชาติระบุว่า ทั้งอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่างกระทำการตอบโต้กันไปมาด้วยอาวุธสงครามในลักษณะที่มีความรุนแรง “เกินขอบเขต” เห็นได้จากการที่อิสราเอลใช้การโจมตีทางอากาศมากกว่า 6,000 เที่ยว และมีการยิงถล่มพื้นที่ฉนวนกาซาด้วยปืนใหญ่และรถถังอีกมากกว่า 50,000 ครั้ง ขณะที่กลุ่มฮามาสก็ทำการโจมตีอิสราเอลด้วยจรวดถึง 4,881 ลูก และกระสุนปืนใหญ่อีก 1,753 ลูก ตลอดการสู้รบที่ดำเนินต่อเนื่องถึง 50 วัน
จนถึงขณะนี้ ยังคงไม่มีการแสดงท่าทีใดๆจากทางการปาเลสไตน์หรือกลุ่มฮามาสต่อรายงานฉบับนี้ของสหประชาชาติ มีเพียงการออกมาตอบโต้ของกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลที่ระบุว่า รายงานของยูเอ็นฉบับล่าสุดนี้ ถูกจัดทำขึ้นโดยมี “แรงจูงใจทางการเมือง” แอบแฝงอยู่เบื้องหลัง และขาดความน่าเชื่อถือ