นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดาให้คำมั่นเมื่อวันพฤหัสบดี (5 พฤศจิกายน) ว่าจะทำตามคำสัญญาที่หาเสียงไว้ว่าจะตั้งถิ่นฐานให้ผู้อพยพชาวซีเรีย 25,000 คนภายในต้นปีหน้าและถอนเครื่องบินขับไล่ในอิรักและซีเรียกลับมา
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันพุธ (4) จัสติน ทรูโด บอกกับเครือข่ายเรดิโอ-แคนาดาว่า “เป้าหมายที่จะให้ที่พักพิงผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 25,000 คนในแคนาดาก่อนวันที่ 1 มกราคมยังคงอยู่”
หลายกระทรวงได้ระดมกำลังกันเพื่อทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จในเวลาอันสั้น ทรูโด กล่าว และเสริมว่า รัฐบาลกลางจะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับจังหวัดและเทศบาลเมืองต่างๆ ของแคนาดา
ผู้ลี้ภัยต้องได้รับหนทางช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวของพวกเขาทันทีที่พวกเขามาถึงแคนาดา เพื่อให้พวกเขาสามารถเป็นประโยชน์ต่อชุมชนของพวกเขาและประเทศนี้ เหมือนกับที่ “ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยรุ่นก่อนๆ ได้เคยทำไว้” ทรูโด กล่าว
เขายังกล่าวด้วยว่า ฮาร์จิต ซัจเจียน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกำลังดำเนินการนำเครื่องบินขับไล่แคนาดากลับจากการสู้รบกับ ISIL ในอิรักและซีเรีย
เมื่อปีที่แล้วแคนาดาส่งเครื่องบินขับไล่ CF-18 ไปประจำการยังภูมิภาคดังกล่าวจนถึงเดือนมีนาคมปี 2016 รวมไปถึงทหารหน่วยพิเศษราว 70 นายเพื่อฝึกฝนชาวเคิร์ดในภาคเหนือของอิรัก
ระหว่างการหาเสียง ทรูโดให้สัญญาว่าจะยุติภารกิจสู้รบของแคนาดาในภูมิภาคนี้ แต่กล่าวว่าจะยังคงครูฝึกทหารเอาไว้ที่นั่น
เครื่องบินขับไล่จะถูกนำกลับมายังประเทศเราโดยเร็วด้วยวิธีการที่มีความรับผิดชอบและเคารพต่อพันธมิตรของเรา ทรูโด กล่าว พร้อมเสริมว่า ซัจเจียนจะตรวจสอบทางเลือกอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเรารักษาคำสัญญาของเรา” ที่จะหยุดการทิ้งระเบิด
พันธมิตรของแคนาดา “เข้าใจดีว่ารัฐบาลชุดนี้ได้รับเลือกมาด้วยความต้องการให้ยุติการโจมตีดังกล่าว” ทรูโด กล่าว
นอกจากรับผู้ลี้ภัยแล้ว แคนาดาจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนในภูมิภาคนี้และมุ่งเน้นภารกิจทางทหารไปที่การฝึกกองกำลังพันธมิตรแทนการสู้รบ ทรูโด กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่า ประเทศของเขายังคง “มีเจตนารมณ์ที่จะต่อสู้กับ ISIL อยู่”