ประณาม ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เรียกร้องห้ามชาวมุสลิมเข้าอเมริกา

“โดนัลด์ ทรัมป์” มหาเศรษฐีปากเสียที่มีคะแนนนิยมสูงสุดในหมู่ผู้ลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องเมื่อวันจันทร์ (7 ธันวาคม) ให้ห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าอเมริกาโดยเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน หลังเกิดเหตุกราดยิงที่แคลิฟอร์เนียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยจุดยืนเช่นนี้ของเขาเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งในพรรคที่เจ้าตัวสังกัดอยู่ พรรคคู่แข่งอย่างเดโมแครต ชุมชนมุสลิมในอเมริกา ไปจนถึงชาวมุสลิมในเอเชีย

“เราไม่มีทางเลือก” ทรัมป์ ประกาศระหว่างการหาเสียงในรัฐเซาท์แคโรไลนา วันจันทร์ พร้อมเตือนว่า หากไม่ใช่มาตรการเด็ดขาด อเมริกาอาจต้องเจอการก่อการร้ายคล้ายกับเหตุการณ์ 9/11 อีก

อย่างไรก็ดี การประกาศ “ห้ามชาวมุสลิมเข้าเมือง” ของทรัมป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบขาว, คู่แข่งเพื่อเป็นตัวแทนพรรคทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปีหน้า, หรือกระทั่งอดีตรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์ จากรีพับลิกันที่ได้ชื่อว่าเป็นพวกขวาจัดสายเหยี่ยวสุดโต่ง ก็ยังชี้ว่า แนวคิดของทรัมป์ขัดแย้งกับทุกสิ่งที่อเมริกายืนหยัดสนับสนุนและเชื่อมั่น

เจบ บุช คู่แข่งจากพรรคเดียวกัน กล่าวหาทรัมป์ “วิกลจริต” และเสนอนโยบายไร้สาระ

ชาวโซเชียลมีเดียพากันติดแฮชแท็ก เช่น #เหยียดเชื้อชาติ, #ฟาสซิสม์ และ#หัวดื้อ ขณะที่คำหลักในการค้นหาในโลกออนไลน์ที่มาแรงในช่วงนี้คือ ฮิตเลอร์, การเข้าเมือง, การปิดกั้น

นอกจากนี้ ยังมีปฏิกิริยาแง่ลบอย่างรุนแรงจากคู่แข่งในรีพับลิกันด้วยกันคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น จอห์น คาสิก ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ, วุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม จากเซาท์แคโรไลนา, ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ คริส คริสตี้ และวุฒิสมาชิก มาร์โค รูบิโอ จากฟลอริดา

ทรัมป์ นักธุรกิจอภิมหาเศรษฐีจากวงการอสังหาริมทรัพย์ และอดีตพิธีกรรายการเรียลลิตี้ที่มักใช้วาทะเหยียดเชื้อชาติ เรียกร้องการปิดกั้นการเข้าอเมริกาของชาวมุสลิมโดยสิ้นเชิง “จนกว่าสมาชิกรัฐสภาของเราจะคิดออกว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้”

“จนกว่าเราจะสามารถพิจารณาและทำความเข้าใจปัญหานี้และอันตรายจากภัยคุกคาม ประเทศของเราไม่ควรตกเป็นเหยื่อการโจมตีน่าสยดสยองจากคนที่เชื่อในญิฮัดเท่านั้น ทว่าไม่มีเหตุผลหรือเคารพชีวิตของผู้คน”

เช่นเดียวกัน เมื่อถูกสอบถามทางอีเมลว่า การปิดกั้นจะใช้กับการเข้าเมืองที่เฉพาะเจาะจง หรือวีซ่านักศึกษา นักท่องเที่ยว และนักเดินทางประเภทอื่นๆ คอรีย์ ลีแวนโดว์สกี ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ตอบสั้นๆ ว่า “ทุกคน”

แม้ทรัมป์อ้างว่า ข้อเสนอของเขาจะไม่ครอบคลุมชาวมุสลิมอเมริกันที่ออกไปปฏิบัติการรบนอกประเทศ รวมทั้งชาวมุสลิมที่ได้สิทธิ์พำนักในอเมริกาอยู่แล้ว ทว่า ระหว่างหาเสียงในเซาท์แคโรไลนา ทรัมป์ยังสำทับว่า ทางการควรตรวจสอบมัสยิดในอเมริกาด้วย

เห็นได้ชัดว่า ทรัมป์จะไปไกลกว่าผู้สมัครอื่นๆ ของรีพับลิกัน ที่แค่เรียกร้องให้ระงับแผนการของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในการรับผู้ลี้ภัยจากซีเรีย 10,000 คน

ทางด้าน ฮิลลารี คลินตัน ตัวเก็งผู้สมัครจากเดโมแครตทวิตว่า แนวคิดของทรัมป์ “น่าตำหนิ อคติ และสร้างความแตกแยก”

ส่วน จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์เอ็มเอสเอ็นบีซีว่า ทรัมป์พยายามค้นหาด้านมืดและเล่นกับความหวาดกลัวของผู้คน เพื่อระดมเสียงสนับสนุนให้ตนเอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนวันอาทิตย์ (6) โอบามาปราศรัยจากห้องทำงานรูปไข่ เรียกร้องอเมริกันยอมรับเพื่อนร่วมชาติ ไม่ว่าบุคคลนั้นๆ จะนับถือศาสนาใด

ในส่วนของชาวมุสลิมก็ออกมาวิจารณ์ตำหนิทรัมป์อย่างแรง นิหาด อาหวัด ผู้อำนวยการบริหารภายในประเทศของสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม ระบุว่า แนวคิดของทรัมป์ขัดแย้งกับหลักการของอเมริกันชน และว่า มหาเศรษฐีรายนี้เหมือนหัวหน้าแก๊งมาเฟียมากกว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของอเมริกา

อาเหม็ด ชีดิด ที่อพยพจากอียิปต์เข้าสู่อเมริกาตั้งแต่ปี 1980 และปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์อิสลามในเจอร์ซีย์ ซิตี้ กล่าวว่าทรัมป์ว่า ยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังและความรุนแรง

ในทางกลับกัน ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอนุรักษนิยม อาทิ แอนน์ คูลเตอร์ โพสต์บนเว็บไซต์สื่อสังคมว่า “ทรัมป์ลุย!”

ความสำเร็จของทรัมป์ในการระดมการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในกลุ่มอนุรักษนิยม จนทำให้เขามีคะแนนนำโด่งในการสำรวจความคิดเห็นชาวรีพับลิกันมานานหลายเดือนแล้วนั้น กำลังมาถึงจุดที่สมาชิกชั้นนำในรีพับลิกันเริ่มกังวลมากขึ้นว่า ถึงแม้ทรัมป์อาจได้เป็นตัวแทนพรรค แต่ก็จะประสบความพ่ายแพ้ต่อผู้สมัครของเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวเดือนพฤศจิกายนปีหน้า อีกทั้งยังอาจพลอยทำให้รีพับลิกันถึงขั้นสูญเสียอำนาจการควบคุมรัฐสภาด้วย

ความคิดเห็น

comments