ข้อมูลล่าสุดจากองค์การ “ยูนิเซฟ” ที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (4 พฤษภาคม) ระบุ เด็กๆ จำนวนมากในสาธารณรัฐแอฟริกากลางมีอันต้องออกจากโรงเรียนแบบถาวร หลังจากที่โรงเรียนต่างๆ ประสบปัญหาในการกลับมาทำการเรียนการสอนใหม่ ทั้งยัง เผชิญปัญหาขาดแคลนครู จากผลพวงของความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองในประเทศ
ข้อมูลล่าสุดจากรายงานของยูนิเซฟระบุ 1 ใน 4 ของโรงเรียนระดับประถมศึกษาในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 500 แห่งอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมเปิดการเรียนการสอน ขณะที่เด็กวัยเรียนจำนวนราว 1 ใน 3 ในประเทศนี้ ไม่ได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน
อดีตดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้ถูกรุมเร้าไปด้วยปัญหาความรุนแรงที่มีต้นตอมาจากความขัดแย้งและการฆ่าฟันกันเป็นรายวันระหว่างกลุ่มกบฏมุสลิมที่เรียกตัวเองว่า “เซเลกา” กับกองกำลังติดอาวุธของชาวคริสต์ที่รู้จักกันดีในชื่อ “แอนตี้-บาลากา” โดยที่ฝ่ายแรกสามารถโค่นอำนาจของรัฐบาลที่เป็นชาวคริสต์ได้สำเร็จตั้งแต่ช่วงต้นปี 2013
แม้บรรดาผู้สังเกตการณ์จะพากันตั้งความหวังว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อไม่นานมานี้ ของผู้นำคนใหม่อย่างประธานาธิบดีฟาอุสแต็ง-อาร์ชองจ์ ตูยาเดรา จะช่วยยุติปัญหาความวุ่นวายภายในประเทศได้ แต่ข้อมูลของยูนิเซฟระบุว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงของสาธารณรัฐแอฟริกากลางยังคงเปราะบาง
โมฮาเหม็ด มาลิค ฟัลล์ ผู้แทนของยูนิเซฟประจำสาธารณรัฐแอฟริกากลางระบุว่า การกลับคืนสู่โรงเรียนถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งยวดโดยเฉพาะในยามที่ประชาชนราว 1 ใน 5 ของประเทศ หรือราว 20 เปอร์เซ็นต์จากประชากร 4.6 ล้านคน ยังคงต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตน
ทั้งนี้ ความขัดแย้งในสาธารณรัฐแอฟริกากลางผลักดันให้ประชาชนมากกว่า 400,000 รายต้องกลายเป็นผู้อพยพย้ายถิ่นภายในประเทศ ขณะที่อีกเกือบครึ่งล้านชีวิตต้องไปขอลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้านอย่างชาด แคเมอรูน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
