รัฐบาลอิรักที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มชีอะห์ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (21 สิงหาคม) ว่าได้ทำการแขวนคอพวกสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 36 รายในทันทีหลังถูกตัดสินประหารชีวิต โทษฐานสังหารกองกำลังติดอาวุธชีอะห์จำนวนมากที่ค่ายทางเหนือของแบกแดดเมื่อ 2 ปีก่อน
ถือเป็นตัวเลขการแขวนคอกลุ่มติดอาวุธจำนวนมากที่สุดในวันเดียวโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือของรัฐบาลอิรักที่ปัจจุบันถูกครอบงำโดยกลุ่มชีอะห์
สถานีโทรทัศน์ของรัฐได้รายงานคำแถลงของกระทรวงยุติธรรม ที่ระบุว่า การประหารชีวิตครั้งนี้เกิดขึ้นที่เรือนจำในเมืองนาสิริยา ทางใต้ของอิรัก
มีกองกำลังชีอะห์มากถึง 1,700 รายถูกฆ่าเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากที่พวกเขาหนีจากแคมป์สปีเชอร์ ซึ่งเป็นอดีตฐานทัพสหรัฐฯ ทางเหนือของเมืองติกริต บ้านเกิดของอดีตผู้นำ ซัดดัม ฮุสเซน โดยในขณะนั้นบริเวณดังกล่าวถูกกลุ่ม ISIL ที่มีกำลังเพียงไม่กี่ร้อยคนบุก
รัฐบาลอิรักอ้างว่าหลังจากเกิดเหตุระเบิดบริเวณถนนย่านการค้าในแบกแดด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 324 ราย รัฐบาลอิรักก็ถูกกดดันมากขึ้นจากนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นมุสลิมชีอะห์ ให้ทำการประหารพวกกลุ่มติดอาวุธที่ต้องโทษประหารชีวิต ทั้งที่เป็นคนละเหตุการณ์กัน
กระทรวงยุติธรรมอิรักได้ประกาศในช่วงไม่กี่วันต่อมาหลังเหตุการณ์นั้นว่า มีการตัดสินโทษประหารชีวิตไปแล้ว 45 รายนับตั้งแต่ต้นปี
สหประชาชาติได้ระบุเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมว่า ความพยายามของอิรักที่จะเร่งประหารชีวิตพวกกลุ่มติดอาวุธอาจส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่า
คำแถลงของยูเอ็นระบุ มีการประเมินว่าผู้คน 1,200 ราย กำลังถูกคุมขังรอการประหารในอิรัก ในจำนวนนั้นเป็นไปได้ว่ามีหลายร้อยคนที่ใช้สิทธิ์อุทธรณ์ไปหมดแล้ว
“ด้วยระบบยุติธรรมของอิรักที่อ่อนแอ กับสภาพแวดล้อมในขณะนี้ของอิรัก ผมเป็นกังวลมากว่าผู้บริสุทธิ์อาจถูกตัดสินโทษประหารชีวิต อันเป็นผลจากกระบวนการยุติธรรมที่ล้มเหลว หยาบและไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
ไฮดาร์ อัล-ซามิลี รัฐมนตรียุติธรรมอิรัก ไม่เห็นด้วยกับข้อกังวลนั้น โดยบอกว่า ทุกคดีมีการทบทวนรายละเอียดแล้ว ก่อนจะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดี ฟูอัด มาซุม ผู้ทำหน้าที่อนุมัติการตัดสินโทษประหารชีวิต
“ยังจะมีการประหารชีวิตอีก” ซามิลี กล่าวในพิธีแขวนคอนักโทษที่นาสิริยา โดยมีบรรดาครอบครัวของกลุ่มติดอาวุธชีอะห์ผู้ถูกฆ่าที่แคมป์สปีเชอร์เข้าร่วมดูการแขวนคอ ทั้งยังมีการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐด้วย
