ที่ค่ายลี้ภัยชั่วคราวในเมือง Arsal ของเลบานอนผู้ลี้ภัยกำลังเผาเสื้อผ้าของพวกเขา เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะป้องกันความหนาวเย็นจัดในขณะที่พายุหิมะทำให้หิมะตกหนักจนท่วมเต็นท์ของพวกเขา
“เราไม่มีเชื้อเพลิงเลย พวกเรากำลังฉีกเสื้อผ้า, พลาสติก และสิ่งที่พวกเขาสามารถหามาเผาเพื่อสร้างความอบอุ่น” Abdallah Mokdeh กล่าวในเมืองชายแดน
“นี่เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เราเคยเจอในรอบหลายปี”
นับตั้งแต่ปี 2011 ชาวซีเรียกว่าหนึ่งล้านคนได้หลบหนีจากสงครามไปสู่เลบานอนซึ่งหน่วยงานให้ความช่วยเหลือบอกว่าส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในความยากจนอย่างรุนแรง โดยชาวซีเรียนับหมื่นคนอาศัยอยู่ใน Arsal ใกล้เนินเขาที่ชายแดนติดกับซีเรีย
“ถนนถูกปิดกั้น เราเรียกรถพยาบาล แต่มันมาไม่ได้” Abdallah Mokdeh แกนนำผู้ลี้ภัยที่ทำหน้าที่ดูแลเต็นท์พักของผู้ลี้ภัยชาวซีเรียในเลบานอน
น้ำท่วมทำลายที่นอน และเต็นท์ที่ถูกทำลายบังคับให้บางคนย้ายเข้าไปอยู่กับเพื่อนบ้าน หลายคนป่วย เต๊นท์บางแห่งต้องมีอย่างน้อย 3 ครอบครัวรวมอยู่ในนั่น
“หิมะความหนาวเย็นรุนแรง”
Mahmoud Hakouk ชายชาวซีเรียวัย 60 ปีอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งต้องพยายามดิ้นรนเพื่อให้แห้ง “ผมต้องการผ้าห่ม” เขาพูดสั่น “ผมขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ผมไม่มีเงินพอจะซื้อขนมปัง”
หน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติกล่าวว่าลมแรง, ฝน และหิมะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่ตั้งค่ายพักอยู่นอกระบบของ UN ซึ่งบางส่วนถูกน้ำท่วม ที่พักพังถล่ม และหิมะพัดถล่ม และยังมีรายงานว่าเด็กหายไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมาหลังจากน้ำท่วมอย่างรุนแรงในพื้นที่
พายุลูกใหญ่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบทั่วเลบานอน และยังส่งผลให้บรรดาเด็กๆ ต้องเผชิญหน้ากับอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก
“มันน่าสังเวชที่นี่เรามีเต๊นท์ที่พังถล่มลงมาเพราะลมแรง” Radwan Raad กล่าวจากค่าย ramshackle ในพื้นที่ Arsal ที่ต้องเผชิญกับหิมะตกหนัก
ผู้ลี้ภัยหลายคนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาติ และไม่สามารถหาอาหารให้พอเพียงต่อการบริโภคในแต่ละวันได้
Helem Amer อายุ 85 ปี ที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มที่บอบบางในค่ายบอกว่า “ผมลุกขึ้นเองไม่ได้ไม่มีเชื้อเพลิง ไม่มีอะไรช่วยเราเลย”
ที่มา อาหรับนิวส์