ปธน.เยเมนบรรลุข้อตกลงกับกบฎชีอะห์

สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานประธานาธิบดีเยเมนและกลุ่มกบฎชีอะห์บรรลุข้อตกลง 9 ขั้นเมื่อวันพุธ(21 มกราคม) ที่พวกกบฎจะถอนกำลังออกจากอาคารต่างๆเพื่อแลกเปลี่ยนกับการโอนอ่อนผ่อนตามในร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่สหรัฐฯเผยกำลังจับตาวิกฤตอย่างใกล้ชิด หลังนักรบชีอะห์ยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองหลวงและทำเนียบประธานาธิบดี โดยวอชิงตันเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าพวกหัวรุนแรงฮูธิพยายามก่อรัฐประหาร

สำนักข่าวซาบา รายงานว่ากลุ่มมุสลิมชีอะห์หัวรุนแรงฮูธิ ประกาศถอนกำลังจากทำเนียบประธานาธิบดีที่บุกยึดเมือวันอังคาร(20ม.ค.) และปล่อยตัวเลขาธิการประธานาธิบดีอับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ส่วนหนึ่งในข้อตกลงแบ่งสรรอำนาจซึ่งได้รับความเห็นชอบจากกลุ่มก๊กต่างๆเช่นกัน โดยข้อแลกเปลี่ยนคือการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญที่เดิมทีกำหนดแบ่งเยเมนออกเป็น 6 เขตสหพันธ์ ซึ่งถูกต่อต้านโดยพวกฮูธี ที่เกรงว่าอำนาจของพวกเขาจะถูกลดทอน

ในความเคลื่อนไหวที่สร้างความตกตะลึงแก่โลกอาหรับ กองกำลังกบฎชนเผ่าฮูธิบุกยึดกรุงซานาเมื่อเดือนกันยายน จากนั้นก็รุกคืบไปยังภาคกลางและตะวันตกของเยเมน ดินแดนที่มีมุสลิมสุหนี่เป็นชนส่วนใหญ่ ทั้งนี้ พวกฮูธิต้องการให้นิกายไซดีของชีอะห์ได้รับสิทธิมากขึ้นและอ้างว่าพวกเขาต่อสู้กับการคอรัปชัน

พวกฮูธิซึ่งตอนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลเยเมน เคยขู่ว่าจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้หากว่าข้อเรียกร้องในรัฐธรรมนูญใหม่ของพวกเขาไม่ไดรับการตอบสนอง

ข้อตกลงที่ลงนามเมื่อเดือนที่แล้วระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ กับพวกฮูธิ เรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ชุดใหม่ จากนั้นกบฎหัวรุนแรงฮูธิก็จะถอนกำลังออกจากเมืองหลวง อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้พวกกบฎก็ยังคงอยู่ในกรุงซานา

สถานการณ์ที่ส่อเค้าคลี่คลายล่าสุดนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากสหรัฐฯเผยว่ากำลังจับตาวิกฤตในเยเมนอย่างใกล้ชิด หลังกบฎชีอะห์ยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองหลวงและทำเนียบประธานาธิบดี โดยวอชิงตันเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯบอกกับเอเอฟพีว่าคณะทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เข้ารายงานสถานการณ์ล่าสุดแก่ผู้นำรายนี้แล้ว ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดี อับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี พันธมิตรทางการเมืองของอเมริกาตกอยู่ในสภาวการณ์ที่ง่อนแง่นเต็มที

เมื่อวันอังคาร(20ม.ค.) กลุ่มมุสลิมชีอะห์หัวรุนแรงฮูธิ ฉีกสัญญาหยุดยิงกับรัฐบาล ก่อนก่อเหตุบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีเยเมนในกรุงซานา และยิงปืนใหญ่โจมตีบ้านของประธานาธิบดี อับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ซึ่งอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้เช่นเดียวกัน โดยมีรายงานว่านายฮาดีอยู่ในบ้านด้วย แต่เจ้าหน้าที่ของเยเมนยืนยันว่า ประธานาธิบดีปลอดภัย

เหตุปะทะล่าสุดเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังจากกบฏฮูธิกับรัฐบาลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันจันทร์ (19 ม.ค.) หลังจากปะทะกันอย่างรุนแรงมาหลายวัน โดยฝ่ายฮูธิสัญญาว่าจะถอนกำลังออกจากกรุงซานา ขณะที่รัฐบาลให้คำมั่นจะจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นเอกภาพชุดใหม่ขึ้นมา

“เราขอประณามอย่างหนักหน่วงต่อความรุนแรงและกลุ่มคนที่กระพือมันขึ้นมา ในความพยายามปั่นป่วนกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของเยเมน” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามกล่าว “เรายังคงสนับสนุนความพยายามแก้ไขปัญหาความด้วยสันติวิธี”

ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมบอกกับเอเอฟพีว่ากองทัพสหรัฐฯพร้อมเข้าอพยพเจ้าหน้าที่ด้านการทูตสหรัฐฯและบุคลากรอื่นๆออกจากเยเมนหากได้รับการร้องขอจากกระทรวงการต่างประเทศ อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ดำเนินการใดๆในตอนนี้ แม้เผยว่าเรือสะเทินน้ำสะเทินบก 2 ลำ ได้แก่ยูเอสเอส ไอโว จิมาและยูเอสเอส ฟอร์ต แม็คเฮนรี ซึ่งประจำการอยู่ในภูมิภาค พร้อมเข้าปฏิบัติการทันทีถ้าจำเป็น

นอกจากนี้แล้ววอชิงตันยังมีทางเลือกอื่นคือใช้ส่งเครื่องบินจากลานบินในประเทศจิบูตีหรือชาติอื่นๆในภูมิภาคเข้าอพยพเจ้าหน้าที่ออกมา

กบฎหัวรุนแรงชีอะห์ฮูธิเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่เคยถูกปราบปรามอย่างราบคาบก่อนหน้านี้ แต่จู่ๆ กลุ่มดังกล่าวซึ่งมีอิหร่านหนุนหลังก็กลับมาแผ่ขยายอิทธิพล และบุกเข้ายึดเมืองหลวงเยเมนในปีที่ผ่านมา และล่าสุดได้บุกยึดสำนักงานของนายฮาดีที่ทำเนียบประธานาธิบดีและโจมตีบ้านพักของเขาในวันอังคาร(20ม.ค.)

สหรัฐพยายามเขียนภาพให้ทั่วโลกเชื่อว่าอัลกออิดะห์ในเยเมน ว่าเป็นกลุ่มที่อันตรายที่สุดในโลกขณะที่ปัจจุบันแทบไม่มีพื้นที่อยู่จากการคุกคามของกลุ่มหัวรุนแรงชีอะห์โดยไม่มีการสกัดกั้นจากหน่วยงานใดในระดับนานาชาติ

ขณะที่วันพุธ(21ม.ค.) เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของชาติต่างๆในอ่าวเปอร์เซีย ระบุว่ากลุ่มกบฎชีอะห์หัวรุนแรงในเยเมน ว่าพยายามก่อรัฐประหารต่อประธานาธิบดีฮาดี หนึ่งวันหลังจากพวกเขาบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดี “กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ(Gulf Cooperation Council) มองสิ่งที่เกิดขึ้นในซานาเมื่อวันอังคาร ว่าเป็นการก่อรัฐประหารต่ออำนาจที่ชอบธรรมตามกฎหมาย” รัฐมนตรีของกลุ่มระบุในถ้อยแถลง ตามหลังประชุมฉุกเฉินในกรุงริยาด

ทั้งนี้ทางกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ ซึ่งมีชาวสุหนี่เป็นชนกลุ่มใหญ่ ยังบอกด้วยว่า “พวกเขาสนับสนุนอำนาจที่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของฮาดี และปฏิเสธมาตรการใดๆที่มีเป้าหมายกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยใช้กำลัง”

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น