นายกฯยอมรับนัดคุยสันติสุข”มาลาปาตานี”2ก.ย.นี้ ลั่นถ้าจริงใจต้องลดความรุนแรงก่อน

นายกฯยอมรับนัดคุยสันติสุข ”มาลาปาตานี” 2 กันยายนนี้ ลั่นถ้าจริงใจต้องลดความรุนแรงก่อน อย่าเอาความรุนแรงมาเร่งรัดการพูดคุย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ (กลุ่มมาลาปาตานี) โดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลางว่า เป็นการพูดคุยโดยมีคณะพูดคุยพาร์ท A และพาร์ท B อยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นการพูดคุยกับรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากลุ่มที่จะพูดคุยกันชื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่เราใช้กฎหมายไทยของเราเป็นหลัก เพราะมีเจตนารมณ์ต้องการสร้างความสงบสันติให้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับ 4 อำเภอในจ.สงขลาให้ได้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหารือ อย่าไปเร่งนักเพราะจะกลายเป็นประเด็น ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งกดดันเจ้าหน้าที่ในการทำงาน เราต้องการให้ภาพการลดความรุนแรงเกิดขึ้นได้เสียก่อน มันถึงจะคุยกันต่อไปได้ แต่ระหว่างที่พูดคุยยังมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น มันก็คุยกันต่อไม่ได้ ทั้งนี้ การแก้ปัญหามันต้องไปพร้อมกันทุกมิติ ทั้งการพัฒนา การบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการพูดคุยสันติสุข ซึ่งอยู่ในยุทธศาสตร์อยู่แล้ว แม้จะไม่ใช่เรื่องที่แก้ได้ง่ายก็ตาม

“ตราบใดที่มีความเห็นต่าง เราก็มองว่าทำผิดกฎหมายไทยไม่ได้ แล้วเราจะไปพูดคุยกับใครในประเทศก็ยังไม่ได้เลย จึงต้องไปคุยกันที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเราเป็นรัฐบาลจะไปพูดคุยกับคนทำผิดไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การพูดคุยกับกลุ่มมาลาปาตานีมีการลงนามข้อตกลงหรือ TOR เพื่อให้ความเห็นชอบในกรอบการพูดคุยแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใครเป็นหัวหน้ารัฐบาลตอนนี้ ตนยังไม่เห็นชอบอะไรสักอย่าง เพราะยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา ส่วนขั้นตอนการพูดคุยให้ไปดำเนินการต่อกับพาร์ท A คือส่วนที่เป็นทางการ และพาร์ท B คือพวกที่เห็นต่างจากพาร์ท A ซึ่งมีกลุ่มมาลาปาตานีรวมอยู่ด้วย ตนไม่ได้ต้องการให้มีหลายกลุ่มขึ้นมา ก็ขอให้ไปรวมกัน แล้วค่อยมาพูดคุย เพราะรัฐบาลก็มีรัฐบาลเดียว ก็ต้องพูดภาษาเดียวกัน

“ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการทำให้เหตุการณ์ยุติลงให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะประชาชนเดือดร้อน การพัฒนาประเทศก็เดินหน้าไปไม่ได้เท่าที่ควร วันนี้เปิดประชาคมอาเซียนไปแล้ว ศักยภาพในภาคใต้เยอะแยะไปหมด ก็ขอฝากประชาชนภาคใต้ อย่าไปสนับสนุนหรือให้ความร่วมมือ หรือไปหวาดกลัวผู้ใช้ความรุนแรงที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่ทำความเดือดร้อนให้ก็แจ้งมา ผมจะสอบสวนลงโทษให้” นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่าศักยภาพของกลุ่มมาลาปาตานีก็ยังถือว่ามีบทบาทใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มี ผมไม่ถือว่าใครมีศักยภาพ เป็นเรื่องที่เราไปให้ศักยภาพเขาเอง คือไปเขียนโฆษณาให้เขา เขาถึงมีศักยภาพ ถ้าไม่เขียนก็ไม่มี เพราะชื่อนี้ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ก็แล้วแต่เขาให้เกียรติเขา ก็คิดต่างได้ คิดที่ต่างประเทศ ไม่ได้คิดในประเทศไทย ถ้าคิดในประเทศไทยเมื่อไหร่ โดนจับเมื่อนั้น”

เมื่อถามว่า กำหนดการพูดคุยกับกลุ่มมาลาปาตานีเป็นวันที่ 2 กันยายนนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีการกำหนดคร่าวๆ ซึ่งตนให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาอยู่ ตนไม่อยากให้ความสำคัญตรงนี้มาก มันอยู่ที่ว่าต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาหรือไม่ ถ้าจริงใจ ก็ต้องหยุดความรุนแรงให้ได้ก่อน ไม่ใช่เอาประเด็นความรุนแรง มาเร่งรัดการพูดคุย แล้วถ้าพวกเราเล่นกันแบบนี้ เราต้องไปยอมรับข้อเสนอของเขาที่บางทีก็มีปัญหากับเราใช่หรือไม่ โดยประเด็นสำคัญจะทำอย่างไรให้คนไทยพุทธและไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รัฐบาลจะได้เดินหน้าพัฒนาตามที่มี 8 – 9 ยุทธศาสตร์รองรับ

“เรื่องนี้เป็นการพูดคุยสันติสุขไม่ใช่การเจรจา เพราะการเจรจามันมีการสู้รบ แต่ตรงนี้เป็นการทำผิดกฎหมายคดีอาญาฆ่าคนตาย แล้วมีคนมารับสมอ้าง อ้างนี่ อ้างโน้น จะชื่ออะไรก็ไม่รู้ ก็ไปหากันมาให้ออก ไม่เช่นนั้นมันก็แตกลูกแตกหลานไปหลายคณะ แล้วทีนี้จะพูดกับใคร รัฐบาลจะมีรัฐบาลเดียวจะไปพูดคุยกับหลายคณะไม่ได้” นายกฯ กล่าว

ความคิดเห็น

comments