แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เตือนว่า กระบวนการแจกจ่ายความช่วยเหลือในฉนวนกาซาที่ได้รับการสนับสนุนจากอิสราเอลและอเมริกาได้กลายเป็น “ความโกลาหลอย่างสิ้นเชิง” พร้อมเรียกร้องให้ UN ดำเนินการตามภารกิจในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมแห่งนี้
ในบทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อวานนี้ รัสเซลล์กล่าวว่า “จากที่เห็นฉากเหตุการณ์อันโกลาหลนั้น แผนการแจกจ่ายความช่วยเหลือรูปแบบใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์กรที่ชื่อว่า Gaza Humanitarian Foundation แทนที่จะเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสิ่งของช่วยชีวิต กลับดูว่าจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง”
เธอเสริมว่าความช่วยเหลือกำลังถูกกระจายไปตามจุดต่างๆ ในฉนวนกาซา ซึ่ง “บังคับให้พลเรือนต้องเดินทางไกลและเสี่ยงต่อชีวิต”
“กลไกการแจกจ่ายความช่วยเหลือรูปแบบใหม่ขัดแย้งกับหลักมนุษยธรรมและไม่สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีของอิสราเอลภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศได้” เธอกล่าวเสริม โดยชี้ให้เห็นถึง “ความกังวลว่าสถานที่แจกจ่ายความช่วยเหลืออาจกลายเป็นเป้าหมายทางทหารเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสหรัฐฯ และอิสราเอลอยู่ด้วย”
เธอยังตั้งสังเกตอีกว่า “การนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปใช้ในรูปแบบทหาร” จะทำให้เด็กๆ ในกาซาต้องเผชิญความทุกข์ทรมานและความตายเพิ่มมากขึ้น
รัสเซลล์กล่าวว่า ความช่วยเหลือที่กำลังแจกจ่ายอยู่ในฉนวนกาซาในขณะนี้คาดว่ามีเพียงร้อยละ 10 ของเงินที่ไหลเข้าสู่ฉนวนกาซาในช่วงสงบศึกครั้งล่าสุด และเน้นย้ำว่าแผนการแจกจ่ายความช่วยเหลือในปัจจุบันไม่สามารถรองรับจำนวนประชากร 2.1 ล้านคน ซึ่งรวมถึงเด็กมากกว่า 1 ล้านคนได้
เธอรายงานว่ามีเด็กเสียชีวิตประมาณ 17,000 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 34,000 คน ระหว่างสงครามในฉนวนกาซาที่กินเวลานานเกือบ 20 เดือน
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียแชร์รูปถ่ายที่แสดงให้เห็นฝูงชนชาวกาซาที่กำลังอดอยากถูกกักขังอยู่ในเส้นทางที่กั้นด้วยรั้วเหล็กที่ศูนย์แจกอาหาร ทำให้เกิดการประณามอย่างกว้างขวาง
เช้านี้ชาวปาเลสไตน์ 20 คน ถูกกระสุนของอิสราเอลโจมตีขณะพยายามไปถึงจุดแจกจ่ายความช่วยเหลือที่มูลนิธิมนุษยธรรมแห่งกาซาจัดตั้งขึ้น ตามที่อัลจาซีรารายงาน