ฮิวแมนไรท์วอท์ชชี้ “อียิปต์-ซีเรีย-อิรัก” ใช้ความโกลาหลละเมิดสิทธิปชช.

รัฐบาลอียิปต์ , ซีเรีย และอิรักใช้ภัยคุกคามด้านความมั่นคงในปี 2014 ที่มีอยู่จริงและจากการรับรู้ เป็นข้ออ้างในการบั่นทอนความสำคัญหรือละทิ้งสิทธิของพลเมืองตนเอง ซึ่งได้เติมเชื้อไฟให้กับวิกฤตต่างๆ ในที่สุด ฮิวแมน ไรท์ วอท์ช ( Human Rights Watch – HRW) ระบุวันนี้ (29)

ในบทวิเคราะห์เรื่องสิทธิมนุษยชนทั่วโลกประจำปีของ HRW กลุ่มสิทธิกลุ่มนี้ ระบุว่า กองกำลังความมั่นคงทั่วโลกกำลังละเลยสิทธิในการจัดการกับภัยคุกคาม อย่างเช่น การปราบปรามชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงของจีน , สงครามยาเสพติดของเม็กซิโก และการต่อสู้กับกลุ่มโบโกฮารัมของไนจีเรีย

การผงาดขึ้นมาของกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งเคยเป็นเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ เป็นส่วนหนึ่งของผลิตผลจากการกดขี่โดยรัฐบาลในซีเรียและอิรัก และยังถูกรัฐบาลทั้งสองประเทศนี้ใช้ประโยชน์เพื่ออ้างความชอบธรรมในการละเมิดมากยิ่งขึ้นอีก

ในซีเรีย กลุ่มไอเอสซึ่งเป็นมุสลิมสายสุหนี่ใช้ประโยชน์จากการทิ้งระเบิดถังน้ำมันอย่างไม่เจาะจงเป้าหมายของกองทัพอากาศ เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนในหมู่ประชากรชาวสุหนี่ที่เป็นชนหมู่มากในอิรัก ขณะที่กองกำลังชีอะห์โดดเดี่ยวชุมชนชาวสุหนี่ด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อน เคนเนธ รอธ ผู้อำนวยการบริหารของกลุ่มนี้ซึ่งมีฐานอยู่ที่นิวยอร์ก กล่าวในรายงาน 656 หน้าฉบับนี้

รายงานระบุว่า สหรัฐฯและเหล่าพันธมิตรปล่อยให้มีการดำเนินการทางทหารต่อกลุ่มไอเอส เพื่อบั่นทอนความพยายามผลักดันให้ดามัสกัสยุติการละเมิด

รายงานระบุว่า ในอียิปต์ “การเข้าปกครองประเทศอย่างโหดเหี้ยมของ อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี นายพลผู้ผันตัวมาเป็นประธานาธิบดี” ได้นำไปสู่ “การกดขี่ข่มเหงอย่างไม่เคยมีมาก่อน”

ในแอฟริกา กองทัพไนจีเรียทำการตอบโต้ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องในการสู้รบกับกลุ่มโบโกฮารัม รายงานระบุ

รายงานระบุว่า เคนยาก็เผชิญกับการโจมตีพลเรือนโดยพวกหัวรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งถูกเติมเชื้อไฟจากการตอบโต้อย่างผิดๆ ของกองกำลังความมั่นคง โดยการตอบโต้ของเคนยาเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิหลายรูปแบบ รวมไปถึง การกักขังประชาชนหลายพันตามอำเภอใจ และการใช้กองกำลังเกินจำเป็น ภายหลังเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงไนโรบี

รายงานฉบับนี้ยังกล่าวหาอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสว่ากระทำการละเมิดในระหว่างความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

และในวอชิงตัน รายงานระบุว่า “ถึงแม้ว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะปฏิเสธว่าไม่มีการทรมานโดยกองทัพภายใต้คำสั่งของเขา แต่เขาก็ไม่ยอมให้มีการสืบสวน และอนุญาตให้มีเพียงแค่การดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ที่ออกคำสั่งทรมานเท่านั้น” ทั้งนี้การทรมานดังกล่าวได้มีการให้รายละเอียดในรายงานว่าด้วยการทรมานของซีไอเอของวุฒิสภาสหรัฐฯ

“การสละตำแหน่งหน้าที่ตามกฎหมายของเขาทำให้มีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นว่า ประธานาธิบดีคนต่อๆ ไปในอนาคตอาจจะพิจารณาเรื่องการทรมานในฐานะตัวเลือกทางนโยบายแทนที่จะเป็นอาชญากรรม” รายงาน ระบุ

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น