นายกรัฐมนตรีรุย อเราโช ผู้นำรัฐบาลคนใหม่ของติมอร์ตะวันออก หรือติมอร์เลสเต เผยในวันอังคาร (10 มี.ค.) ระบุ ถึงเวลาต้องปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อสร้างความหลากหลายด้านรายได้และลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมัน หลังมีรายงานว่า น้ำมันจะหมดจากประเทศใน “ไม่ถึง 10 ปี”
อเราโชซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านการแพทย์และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขมาก่อน เพิ่งก้าวขึ้นครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายซานานา กุสเมาเมื่อเดือนที่แล้วเปิดเผยผ่าน “นิกเกอิ” สื่อดังของญี่ปุ่น โดยระบุ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจ การศึกษา และระบบดูแลสุขภาพของประชาชนในติมอร์เลสเต เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่จะช่วยนำพาอดีตดินแดนอาณานิคมของโปรตุเกสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ให้ก้าวหลุดพ้นจากการพึ่งพาแหล่งรายได้จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ท่าทีล่าสุดของผู้นำรัฐบาลคนใหม่ของติมอร์ตะวันออกมีขึ้นหลังมีการเผยแพร่รายงานเมื่อไม่นานมานี้ที่ยืนยันว่าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศนี้กำลังจะหมดไปภายในระยะเวลา “ไม่เกิน 10 ปี” นับจากนี้ ซึ่งจะทำให้ติมอร์ตะวันออกเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติถือเป็นที่มาของแหล่งรายได้ราว 3 ใน 4 ของประเทศในเวลานี้
ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ประชากรกว่าร้อยละ 70 ของติมอร์ตะวันออก หรือติมอร์เลสเต ยังมีความเป็นอยู่ต่ำกว่า “เส้นความยากจน” ขณะที่ดินแดนแห่งนี้ถือว่ามีเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาแหล่งรายได้จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มากเป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากเศรษฐกิจของซูดานใต้และลิเบีย