อดีตนาวิกโยธินอเมริกันผิวดำก่อเหตุกราดยิงตำรวจในเมืองแบตันรูช เมืองเอกของรัฐลุยเซียนาเมื่อวันอาทิตย์ (17 กรกฎาคม) ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บอีก 3 นาย ก่อนที่เขาจะถูกวิสามัญฆาตกรรม คาดชนวนเหตุเชื่อมโยงกับกรณีตำรวจยิงชายผิวสี 2 คนตายเมื่อเกือบสองสัปดาห์ก่อนที่จุดชนวนการประท้วงรุนแรงทั่วสหรัฐฯมาจนถึงขณะนี้ เหตุการณ์ล่าสุดยังกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย โดยเฉพาะที่คลีฟแลนด์และฟิลาเดลเฟีย ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าตามลำดับ
ไมก์ เอ็ดมอนซัน ผู้กำกับการตำรวจรัฐลุยเซียนาแถลงว่า มือปืนซึ่งสื่อพากันระบุชื่อว่า เกวิน ลอง วัย 29 ปี เสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจนั้น ลงมือก่อเหตุตามลำพัง แต่ยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจที่ชัดเจนได้
เหตุการณ์นี้ทำให้ตำรวจ 2 นายและผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 1 คนเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คนเป็นตำรวจ 2 นาย อีกคนเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ปกครองที่อาการสาหัส
ตามประวัติการรับราชการทหารของลอง เขาสังกัดเหล่านาวิกโยธินตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2005 จนถึงเดือนสิงหาคม 2010 โดยได้ติดยศนายสิบและทำงานในหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเครือข่ายข้อมูล ลองเคยไปประจำการในอิรักระหว่างเดือนมิถุนายน 2008 ถึงเดือนมกราคม 2009 ได้รับเหรียญตราและได้รับการประกาศเกียรติคุณหลายครั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา ลองโพสต์คลิปบนยูทูบจากเมืองดัลลัสที่เขาไปร่วมประท้วง โดยบ่นว่า ผิดหวังกับการปฏิบัติต่อคนดำอย่างไม่เป็นธรรม และว่า มีเพียงความรุนแรงและความกดดันทางการเงินเท่านั้นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว ลองทำเรื่องเปลี่ยนชื่อเป็น คอสโม โอซาร์ เซเทเพนรา และอ้างตัวเป็นสมาชิก “วอชิตอว์ เนชั่น” หรือกลุ่มชาวแอฟริกันอเมริกันที่อ้างว่า เป็นชนพื้นเมืองอเมริกันในสหรัฐฯ
แหล่งข่าวในรัฐบาลคนหนึ่งเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่า มีผู้โทรแจ้ง 911 เพราะอาจต้องการหลอกล่อตำรวจแบตันรูชไปติดกับ
เอ็ดมอนสันสำทับว่า เจ้าหน้าที่หลายคนเดินทางไปยังทสถานที่ซึ่งได้รับแจ้งว่า มีชายชุดดำสวมหน้ากากพร้อมปืนไรเฟิลจู่โจม ที่ด้านหลังร้านแห่งหนึ่งก่อนเวลา 21.00 น. วันอาทิตย์ (17) ไม่นาน ซึ่งเมื่อไปถึงกลับถูกซุ่มตี
การต่อสู้ระหว่างผู้พิทักษ์กฎหมายกับมือปืนจบลงในเวลาเพียง 8 นาที และเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตมี 1 คนที่เป็นคนดำ
ทางด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกมาแถลงประณามการโจมตีครั้งนี้ และประกาศจะดำเนินการอย่างยุติธรรม พร้อมเรียกร้องชาวอเมริกันสมัครสมานสามัคคีแทนที่จะแตกแยกกัน
ขณะที่จอห์น เบล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้ว่าการลุยเซียนา ระบุว่า การกราดยิงครั้งนี้เป็นการโจมตีที่โหดเหี้ยมซึ่งไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย
เหตุนองเลือดที่แบตันรูชคราวนี้เกิดขึ้น ภายหลังเกิดกระแสความไม่พอใจที่ตำรวจสังหารชายผิวดำ 2 คนในสถานการณ์ที่คลุมเครือเมื่อต้นเดือนนี้ ได้แก่ อัลตัน สเตอร์ลิง วัย 37 ปี ในแบตันรูช เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา และฟิแลนโด แคสติล วัย 32 ปี ใกล้เมืองเซนต์ปอล รัฐมินนิโซตา ในวันถัดมา
จากนั้นในวันที่ 7 เดือนนี้ ก็มีมือปืนผิวดำผู้หนึ่งได้ซุ่มยิงตำรวจในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 5 นาย ระหว่างเกิดเหตุประท้วงกรณีการเสียชีวิตของคนผิวดำ 2 คนดังกล่าว นอกจากนั้น สัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจยังจับกุมผู้ประท้วงกว่า 100 คนที่มีส่วนร่วมในการต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ภายใต้การนำของกลุ่ม “แบล็ก ไลฟ์ส แมตเทอร์”
สถานการณ์นี้ยังโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยทั่วอเมริกา โดยเฉพาะที่เมืองคลีฟแลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรครีพับลิกันในสัปดาห์นี้ และเมืองฟิลาเดลเฟีย อันเป็นที่ประชุมของพรรคเดโมแครตในสัปดาห์หน้า โดยคาดกันว่า ที่ประชุมใหญ่รีพับลิกัน จะมีมติรับรอง โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะเดโมแครตจะรับรอง ฮิลลารี คลินตัน ลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้อย่างเป็นทางการ
“จะต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายและประชาชนอีกกี่คนที่ต้องตายเพราะประเทศขาดผู้นำ เราต้องการกฎหมายและความสงบเรียบร้อย” ทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โพสต์บนเฟซบุ๊กเมื่อบ่ายวันอาทิตย์
ด้านคลินตันแถลงเรียกร้องให้ชาวอเมริกันยืนหยัดเคียงข้างกันเพื่อต่อต้านความรุนแรงและส่งเสริมชุมชนเข้มแข็ง
ในวันอาทิตย์ สตีฟ ลูมิส ประธานสมาคมตำรวจสายตรวจคลีฟแลนด์ เรียกร้องให้จอห์น เคซิก ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ ประกาศภาวะฉุกเฉินและระงับใช้กฎหมายที่อนุญาตการพกปืนในที่สาธารณะระหว่างการประชุมใหญ่รีพับลิกัน เนื่องจากกังวลว่า จะมีการเลียนแบบก่อเหตุกราดยิงในงานประชุมรีพับลิกัน
ทว่า โฆษกหญิงของเคซิกแถลงว่า ผู้ว่าการรัฐไม่มีอำนาจในการสั่งระงับใช้กฎหมายดังกล่าว