การกำหนดเขตปลอดภัยเหนือพื้นที่ในซีเรียจะถูกบังคับเหนือเครื่องบินรบของสหรัฐฯ และพันธมิตร ตามการเปิดเผยของทูตรัสเซีย ด้านระบอบบาชาร์-ฝ่ายต่อต้านไม่ลงนามในข้อตกลงตามข้อเสนอรัสเซีย ที่เปิดช่องให้ถล่มพื้นที่ปลอดภัยได้ด้วยข้ออ้างว่ามีสถานการณ์ไม่มั่นคงเกิดขึ้น
อัล-ญะซีเราะห์รายงานว่า ทูตรัสเซียในการแก้ปัญหาซีเรียเปิดเผยว่า การกำหนดเขตปลอดภัยเหนือดินแดนในภูมิภาคของซีเรีย จะถูกห้ามสำหรับเครื่องบินรบของสหรัฐอเมริกา และพันธมิตรนานาชาติในปฎิบัติการปราบปราม ดาอิชในซีเรีย
ตุรกี และอิหร่าน ตกลงร่วมกันในวันพฤหัสบดีตามข้อเสนอของรัสเซียว่าด้วยการ “กำหนดเขตปลอดภัย” ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ แต่ถูกตั้งข้อสงสัยจากสหรัฐฯ และกลุ่มฝ่ายต่อต้านซีเรีย
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นจากการเจรจาสันติภาพซีเรียที่กรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Alexander Lavrentyev ทูตรัสเซียกล่าวว่า เครื่องบินรบของรัฐบาลซีเรียคาดว่าจะถูกห้ามบินเป็นเวลา 6 เดือนในการบินในพื้นที่ปลอดภัย
เขากล่าวเพิ่มอีกว่าเครื่องบินรบของรัสเซียจะเว้นจากการบินเหนือพื้นที่ดังกล่าวเช่นกัน
เว้นแต่จะมีสิ่งทำให้สถานการณ์ไม่มั่นคง ทูตรัสเซียกล่าวเสริม
Jamal Elshayyal ผู้สื่อข่าวอัล-ญะซีเราะห์ รายงานว่าการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยมีแนวโนมที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ อิดลิป, เทือกเขาเตอร์กเมน, พื้นที่ชานเมืองของกรุงดามัสกัสรวมทั้ง Ghouta และจังหวัดดารอยาทางตอนใต้ของซีเรีย
เมื่อน่านฟ้าถูกปิดเหนือพื้นที่ปลอดภัยจะทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตห้ามบินไปโดยปริยาย การเรียกร้องให้กำหนดพื้นที่ในลักษณะดังกล่าวเป็นข้อเรียกร้องที่ยาวนานจากฝ่ายต่อต้านซีเรียแต่ไม่เคยได้รับการตอบรับมาก่อน
พื้นที่ที่จะได้รับการพิจารณาเป็นเขตปลอดภัยจะเกิดขึ้นบริเวณพรมแดนของตุรกี และจอร์แดน
นักวิเคราะห์ทางทหารคาดว่าเขตห้ามบินที่เคยกำหนดเขตห้ามบินเหนืออิรักในปี พ.ศ.2534 ช่วยปกป้องชีวิตประชาชนได้จำนวนมาก
แต่กับกรณีนี้ กลับยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้รับผิดชอบในการรักษาเขตพื้นที่ปลอดภัยดังกล่าว ในกรณีที่มีการละเมิด
ขณะที่ทั้งระบอบการปกครองซีเรีย และฝ่ายต่อต้านซีเรีย ไม่ได้ลงนามในข้อตกลงการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยดังกล่าว โดยผู้แทนฝ่ายต่อต้านซีเรียหลายคนบอกว่าพวกเขาไม่สามารถยอมรับอิหร่านในฐานะผู้ค้ำประกันข้อตกลงได้
สงครามกลางเมืองของซีเรียได้เข้าสู่ปีที่ 7 ทำให้มีคนเสียชีวิตไปแล้วหลายแสนคน
การเจรจาในกรุงอัสตานา เป็นการเจรจาที่เสริมการเจรจาที่สหประชาชาติเป็นตัวกลางของสหประชาชาติที่กรุงเจนีวา เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง และไม่ได้คาดหวังผลลัมธ์จากการเจรจา
