ระนอง อนุรักษ์ “ข้าวไร่บ้านคลองวัน” หนึ่งเดียวในภาคใต้

ระนองอนุรักษ์การทำข้าวไร่ภูเขาเพื่อรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญาชาวบ้าน จังหวัดระนองเลือกบ้านคลองวัน อ.กระบุรี นำร่องเป็นต้นแบบ พร้อมดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามโครงการ OTOP นวัตวิถี ดึงภูมิปัญญา วิถีชีวิต เพิ่มรายได้ชุมชนยั่งยืน บ้านคลองวัน ม.5 ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง มีเนื้อที่ประมาณ 8,500 ไร่ มีประชากรอยู่อาศัย 153 ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำสวนผลไม้ สวนยางพารา และปลูกข้าวไร่ บ้านคลองวันอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและป่าเขาจึงเป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบวิถีชีวิตชุมชนเกษตรแบบดั้งเดิม

นายรณชัย แสงทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ม.5 บ้านคลองวัน ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง เจ้าของแปลงปลูกข้าวไร่ จำนวน 12 ไร่ที่เป็นหนึ่งในต้นแบบนำร่องการรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญาชาวบ้านตามโครงการ OTOP นวัตวิถี ดึงภูมิปัญญา วิถีชีวิต เพิ่มรายได้ชุมชนยั่งยืน

บ้านคลองวัน มีชื่อเสียงในเรื่องของข้าวไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวของระนองที่ยังอนุรักษ์การทำการเกษตรแบบดั้งเดิม ข้าวไร่คลองวันมีคุณภาพดีและสร้างรายได้หลักให้กับชุมชนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ข้าวไร่คลองวัน เป็นข้าวไร่ของคนในชุมชนหมู่บ้านคลองวันที่มีการปลูกข้าวไร่ ตามธรรมชาติ ปลูกแบบวิถีชีวิตดั้งเดิม คือ การปลูกข้าวบนเขาบนดอน ไม่มีน้ำขัง อาศัยน้ำฝนในการปลูกข้าวเท่านั้น ข้าวไร่ที่ปลูกเป็นข้าวปลอดสารพิษ ปีนี้มีปลูก 2 สายพันธุ์ คือ ข้าวหัวบอน กับข้าวดอกขาม โดยแต่ละสายพันธุ์จะมีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป ข้าวหัวบอนจะมีกลิ่นหอมทั้งตอนเป็นรวงข้าวและเมื่อหุงสุก ส่วนข้าวดอกขาม จะมีสรรพคุณแก้เหน็บชาได้ดีโดยในแต่ละปีจะปลูกได้เพียงครั้งเดียว เป็นข้าวที่ปลูกโดยชุมชน ขายโดยชุมชน ส่วนผลิตที่ได้ในแต่ละปีจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เก็บไว้กิน ที่เหลือจะขายให้กับกลุ่ม หากลูกค้าภายนอกสนใจอาจจะต้องจองเข้ามา

ข้าวไร่คลองวันนอกจากจะเป็นพื้นที่ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม หาดูยาก เนื่องจากพื้นที่การเกษตรโดยส่วนใหญ่ของจังหวัดระนองถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ปลูกปาล์ม ปลูกยางพารา ปลูกทุเรียน เป็นต้น จึงทำให้หมู่บ้านคลองวันยังคงมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นและชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถสนุกสนานไปกับกิจกรรมเก็บเกี่ยวข้าวด้วยแกระ การไล่นกด้วยหุ่นไล่กา การตำข้าวไร่ เป็นข้าวกล้องโดยใช้มือ ทุ่งข้าวไร่สร้างเสน่ห์ให้กับชุมชนและผู้ที่แสวงหาธรรมชาติได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงที่ข้าวออกรวงเป็นสีทองจะเป็นภาพที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน

ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระนอง

ความคิดเห็น

comments