ปากีสถานและอินเดียตกลงที่จะหยุดยิงโดยทันทีและเต็มรูปแบบ หลังจากเกิดการโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ ขีปนาวุธ โดรน และปืนใหญ่จนมีผู้เสียชีวิตเป็นเวลาหลายวัน โดยข่าวนี้ได้รับการประกาศอย่างน่าแปลกใจจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และยังแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศที่ใช้ “สามัญสำนึก” อีกด้วย
เจ้าหน้าที่จากอิสลามาบัดและนิวเดลีได้ยืนยันการพัฒนาดังกล่าวไม่กี่นาทีหลังจากทรัมป์โพสต์ประกาศดังกล่าวบนเครือข่ายทูชโซเชียลเมื่อวันเสาร์ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านที่มีอาวุธนิวเคลียร์ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นและนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ
“หลังจากการเจรจายาวนานตลอดทั้งคืนโดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตัวกลาง ผมยินดีที่จะประกาศว่าอินเดียและปากีสถานได้ตกลงที่จะยุติการยิงกันโดยสมบูรณ์และทันที ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศที่ใช้สามัญสำนึกและข่าวกรองที่ยอดเยี่ยม” ทรัมป์โพสต์
วิกรม มิศรี รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายจะ “หยุดการยิงปืนและการดำเนินการทางทหารทั้งหมดทั้งบนบก ทางอากาศ และทางทะเล” โดยมีผลตั้งแต่เวลา 11.30 น. GMT (18.30 น.เวลาไทย) เป็นต้นไป
ในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ X นายอิสฮัก ดาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานกล่าวว่า “ปากีสถานและอินเดียได้ตกลงที่จะหยุดยิงโดยมีผลทันที ปากีสถานมุ่งมั่นเพื่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคมาโดยตลอด โดยไม่ประนีประนอมกับอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน!”
แหล่งข่าวรัฐบาลอินเดียกล่าวว่า การหยุดยิงได้มีการดำเนินการร่วมกันแล้ว
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ AFP โดยขอไม่เปิดเผยชื่อว่า”การหยุดยิงและการดำเนินการทางทหารระหว่างอินเดียและปากีสถานได้รับการตกลงโดยตรงระหว่างสองประเทศ”
การหยุดยิงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ปากีสถานโจมตีฐานทัพอากาศของอินเดียเป็นเวลาหนึ่งวัน เพื่อตอบโต้การโจมตีที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน
ผู้บังคับการฝูงบินอินเดีย Vyomika Singh กล่าวในการบรรยายสรุปก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ว่า มี “การโจมตีด้วยขีปนาวุธความเร็วสูงหลายครั้ง” ในฐานทัพอากาศ แต่ “สร้างความเสียหายได้จำกัด” ต่ออุปกรณ์
ก่อนหน้านี้ ปากีสถานระบุว่าอินเดียโจมตีฐานทัพ 3 แห่งของตนด้วยขีปนาวุธ ซึ่งรวมถึงฐานทัพหนึ่งที่เมืองราวัลปินดี ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปประมาณ 10 กิโลเมตร (6 ไมล์)
เจ้าหน้าที่ในแคชเมียร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของปากีสถานรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 11 รายจากการยิงปืนของอินเดียเมื่อคืนนี้
การปะทะระหว่างเพื่อนบ้านทั้งสองถือเป็นการปะทะกันครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และมีผู้เสียชีวิตพลเรือนมากกว่า 60 ราย