ผู้แสวงบุญเริ่มทยอยเดินทางมายังมินาจากบ้านพักของพวกเขาในมักกะห์เมื่อเช้าตรู่ของวันพุธ ซึ่งตรงกับวันซุลฮิจญะห์ที่ 8 เพื่อใช้เวลาในวันตัรวียะห์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแสวงบุญฮัจญ์ประจำปี
โดยพวกเขาท่องตัลบียะห์และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าตามแบบอย่างของศาสดามูฮัมหมัด (ขอสันติภาพจงมีแด่ท่าน) ขณะมุ่งหน้าไปยังเต็นท์ ผู้แสวงบุญในประเทศหลายแสนคนเข้าร่วมกับผู้แสวงบุญต่างชาติกว่า 1.47 ล้านคนที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนี้
ดร.โมฮัมหมัด อัล-การ์นี ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายฮัจญ์และอุมเราะห์แห่งศูนย์การขนส่งทั่วไปของคณะกรรมาธิการหลวงประจำเมืองมักกะห์และสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา กล่าวว่า ผู้แสวงบุญจากต่างประเทศเดินทางมาถึงมักกะห์เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ผู้แสวงบุญในประเทศเดินทางมาถึงมักกะห์และประกอบพิธีตอวาฟอัลกุดุมก่อนจะมุ่งหน้าไปยังมินาในคืนนี้ เพื่อเตรียมตัวประกอบพิธีฮัจญ์
“ขั้นตอนการเดินทางมาถึงของผู้แสวงบุญจากต่างประเทศเสร็จสิ้นแล้ว โดยการเดินทางระหว่างมักกะห์และมาดินาเกิดขึ้นในช่วง 36 วันที่ผ่านมา ยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ใดๆ ที่จะขัดขวางการเดินทางของผู้แสวงบุญในช่วงนี้ ขณะนี้เรากำลังรับผู้แสวงบุญในประเทศ ซึ่งเริ่มเดินทางมาถึงมักกะห์ในคืนวันจันทร์และวันอังคาร และได้ประกอบพิธีตอวาฟ” เขากล่าว
ดร. อัล-กอรนี กล่าวว่าการเดินทางของผู้แสวงบุญจะเริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันอังคารจนถึงเวลา 10.00 น. ของวันพุธ ส่วนขั้นตอนการตัรวียะห์ในการขึ้นจากมินาไปยังอาราฟัตจะเริ่มขึ้นโดยใช้การขนส่ง 3 วิธี “รถไฟมัสไฮร์จะบรรทุกผู้แสวงบุญ 316,000 คน ในขณะที่การขนส่งหลายรูปแบบและแบบดั้งเดิมจะบรรทุกผู้แสวงบุญประมาณ 720,000 คน ตัวเลขเหล่านี้รวมถึงจำนวนผู้แสวงบุญที่เดินทางมาถึงและขึ้นจากอาราฟัตในเช้าวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันซุลฮิจญะห์ที่ 9 ซึ่งเป็นวันอาราฟัต” เขากล่าว
กระทรวงกิจการอิสลาม การเชิญชวนและแนะนำได้ดำเนินการเตรียมการที่มัสยิดอัลคัยฟ์ในมินาเรียบร้อยแล้ว เพื่อต้อนรับผู้แสวงบุญด้วยการปูพรมละหมาดบนพื้นที่กว่า 27,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบบริการทางเทคนิคและการปฏิบัติงานแบบบูรณาการที่ออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้แสวงบุญจะมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย
ในปีนี้ มัสยิดอัลคัยฟ์ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่หลายครั้ง รวมถึงการปรับปรุงระบบปรับอากาศและระบายอากาศอย่างครอบคลุม การปรับปรุงดังกล่าวประกอบด้วยการติดตั้งหน่วยทำความเย็นขั้นสูงที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุมอัจฉริยะ รวมถึงระบบตรวจสอบที่ตรวจจับระดับคาร์บอนไดออกไซด์และเปิดใช้งานพัดลมและอุปกรณ์ทำความเย็นโดยอัตโนมัติ จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ผู้แสวงบุญ
เนื่องด้วยมีการคาดการณ์ว่าฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าว ทางการซาอุดจึงได้จัดเตรียมการอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าผู้แสวงบุญจะปลอดภัยและสะดวกสบาย ดร. อับดุลลาห์ อาซิร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงได้ระดมบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารจำนวน 50,000 คนเพื่อเตรียมการสำหรับการประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งมากกว่าจำนวนในปีก่อนๆ มาก
มีเตียงในโรงพยาบาลพร้อมแล้วกว่า 700 เตียง พร้อมพัดลมสำหรับรักษาอาการป่วยจากความร้อนที่รุนแรง “ปีนี้มีการขยายขีดความสามารถเพิ่มขึ้นมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อน” เขากล่าว
คาลิด อัล-ตาลา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าสถานะสุขภาพของผู้แสวงบุญอยู่ในเกณฑ์คงที่ เขาประกาศเปิดโรงพยาบาลสนาม 3 แห่ง และเปิดจุดบริการฉุกเฉิน 71 จุด อัล-ตาลายังตั้งข้อสังเกตว่า ขีดความสามารถของเตียงเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อน และจนถึงปัจจุบันได้ให้บริการด้านสุขภาพไปแล้วมากกว่า 98,000 รายการ
ขณะที่ Saleh Al-Zuwaid โฆษกระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ฮัจญ์ กล่าวว่า สายการบินทั้งหมด 62 แห่งให้บริการเที่ยวบินฮัจญ์ 3,314 เที่ยวบินจาก 238 จุดหมายปลายทางใน 71 ประเทศทั่วโลก
ด้านนายซาอัด อัล-ชานบารี โฆษกระบบเทคโนโลยีและการสื่อสารของฮัจญ์ กล่าวว่า ระบบสื่อสารครอบคลุมของสัญญาณ 4G และ 5G ในมักกะห์ มาดินา และสถานที่ต่างๆ ได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยแตะระดับ 264 เมกะบิตต่อวินาที เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน “ความเร็วอินเทอร์เน็ตในมักกะห์และมาดินาเพียงแห่งเดียวในปีนี้แตะระดับ 336 เมกะบิตต่อวินาที เพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน” เขากล่าว นาย
ซาอัด อัล-ชานบารีกล่าวว่า จุดเชื่อมต่อ Wi-Fi ในมักกะห์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และมาดินามีมากกว่า 10,000 จุดในช่วงฮัจญ์ปีนี้ โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่าคณะกรรมการเทคโนโลยีการสื่อสารและอวกาศ (CSTC) สามารถใช้นวัตกรรมล่าสุดได้ในช่วงเทศกาลนี้ โดยประสบความสำเร็จในการนำการทดลองจัดการฝูงชนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยใช้กล้องวงจรปิดของ HAI ร่วมกับอารัมโกมาใช้